ตลาดสุรานำเข้าถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะรูปแบบของการทำกิจกรรมทางการตลาด เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีข้อจำกัดในด้านของการโฆษณา จึงทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมหันไปทำกิจกรรมทางการตลาด ณ จุดขายมากขึ้นโดยเฉพาะช่องทางออนพรีมิส หรือ ผับ บาร์ ซึ่งถือเป็นช่องทางหลักของการทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เช่นเดียวกับบริษัท ดิอาจิโอ โอเอ็ท เฮนเนสซี่ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจสก๊อตวิสกี้นำเข้าภายใต้แบรนด์ เบนมอร์ และจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ ซึ่งปีนี้จะขอออกมาอัดกิจกรรมการตลาดแบรนด์ เบนมอร์มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเบนมอร์ ยังเป็นอันดับ 2 ในตลาดวิสกี้นำเข้าในกลุ่มสแตนดาส ถูกอันดับ 1 อย่างฮันเดรด ไพเพอร์ส ทิ้งห่างเกือบเท่าตัว ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 80% ในตลาดวิสกี้นำเข้ากลุ่มสแตนดาส ขณะที่เบนมอร์มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 20% เท่านั้น
แม้ว่าในตลาดวิสกี้นำเข้ากลุ่มสแตนดาสจะมีผู้เล่นเพียง 2 ราย แต่การที่จะโค่นแชมป์อย่างฮันเดรด ไพเพอร์ส เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แทนที่ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเหตุนี้เองดิอาจิโอ จึงต้องออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดเบนมอร์มากขึ้นโดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด ซึ่งยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดอีกมากขึ้น
นอกจากนี้ ดิอาจิโอยังมีได้มีการปรับปรุงแพคเกจจิ้งใหม่ให้มีความทันสมัย สวยหรู เพื่อให้ลูกค้าถือแล้วรู้สึกว่าเป็นสินค้าที่มีระดั บด้วยกล่องสีขาว โลโก้สีทอง และสีเงิน พร้อมประทับตราเหรียญรางวัลที่ได้รับ นั่นก็คือ การรับรางวัล DOUBLE GOLD MEDAL AWARD ในงาน NEW YORK WORLD WINE & SPIRITS COMPETITION 2012 ที่จัดขึ้น ณ เมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา และรางวัล PLATINUM MEDAL จากงาน SIP AWARDS INTERNATIONAL SPIRIT COMPETITION ที่จัดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีวิสกี้จากทั่วโลกกว่า 300 แบรนด์ เข้าร่วมชิงรางวัลดังกล่าว โดยเบนมอร์ โฟวร์ แคส ได้รับการโหวตสูงสุดทั้งสองรางวัล
จากรางวัลที่ได้รับดังกล่าวถือเป็นสิ่งการันตีคุณภาพของเบนมอร์ วิสกี้จากประเทศสก็อตแลนด์ และเพื่อเป็นการตอกย้ำคุณภาดของสินค้า และสร้างสีสันให้กับตลาดวิสกี้นำเข้าในกลุ่มสแตนดาส เบนมอร์จึงได้มีการเปิดตัวแพ็คเกจรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ใหม่ล่าสุดที่มีการประทับตรา ดับเบิ้ล โกลด์ เมเดิล อวอร์ด เข้ามาทำตลาดในช่วงกลางเดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งมีจำหน่ายในจำอิศเรศ สุนทราวรกุล นวนจำกัด
นายอิศเรศ สุนทราวรกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แผนกวิสกี้ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้ทำการสำรวจตลาดพบว่า ปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคไทยนั้น ให้ความสำคัญในเรื่องความคุ้มค่าของตัวสินค้า หรือ Value for money ดังนั้นบริษัทจึงมีการปรับกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ของเบนมอร์ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นกับเบนมอร์ผ่านการสร้างแบรนด์ 2 ประการ ประการแรกคือ การตั้งราคาสินค้าในราคาที่ผู้บริโภคเห็นถึงความคุ้มค่าได้ง่ายขึ้น
ประการที่ 2 บริษัทต้องชูคุณภาพสินค้าระดับโลกของเบนมอร์ ด้วยการส่งเบนมอร์เข้าประกวดการแข่งขันในเวทีระดับโลก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จคว้ามาได้ 2 รางวัลสุดยอดวิสกี้ และจากความภูมิใจมากที่ได้รับ บริษัทจึงได้มีการสื่อสารรางวัลที่ได้รับ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ผ่านสินค้ารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ออกจำหน่ายในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ ดิอาจิโอ ยังคงเดินหน้าใช้กลยุทธในเรื่องของการลดราคาสินค้าเข้ามาเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นยอดขายของเบนมอร์ ด้วยการปรับลดราคาสินค้าในขนาดบรรจุภัณฑ์ 70 มล. ที่ประมาณ 20 บาท จากเดิมขายที่ราคา 350 บาทลดลงเหลือ 329 บาท ภายหลังจากขายในราคาดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา 2 ปีได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากกลยุทธดังกล่าวสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น
ส่วนราคาขายในขนาดบรรถจุภัณฑ์อื่นๆ เช่น ขนาด 50 มล. ดิอาจิโอยังคงจำหน่ายในราคาเดิมที่ประมาณ 280-290 บาท และขนาด 1 ลิตรขายที่ประมาณ 450 บาท ซึ่งการออกมาทำกลยุทธการตลาดในรูปแบบดังกล่าวที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมามีอัตราการเตบโตสูงถึง 10% สูงกว่าภาพรวมตลาดที่เติบโตประมาณ 5%
จากการออกมาเปิดตัวสินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่น และลดราคาขายสินค้าที่ยังคงทำอยู่อย่างต่อเนื่องในขนาด 70 มล. ดิอาจิโอคาดว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มคนเริ่มทำงานเป็นหลัก
นายอิศเรศกล่าวว่า ในแต่ละปีบริษัทจะมีการเตรียมงบการตลาดไว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่างๆ แต่ช่วงที่จะมีการทำกิจกรรมมากที่สุดจะเป้นช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงหน้าขาย ดังนั้นสัดส่วนประมาณ 40% ของงบการตลาดรวมจะถูกใช้ไปกับการทำกิจกรรมทางการตลาดในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งปีนี้บริษัทจะเน้นหนักไปที่ตลาดต่างจังหวัด เพราะปัจจุบันยังทำตลาดไม่ได้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากนัก
ปัจจุบันบริษัทสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างจังหวัดอยู่ที่ประมาณ 60-70% และกรุงเทพฯ 30-40% ซึ่งหลังจากที่บริษัทออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 25-30% จากปัจจุบันมีอยู่ที่ประมาณ 20% และคาดว่าจะมีมากกว่า 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อขึ้นเป็นผู้นำในตลาดสก๊อตวิสกี้นำเข้าในกลุ่มสแตนดาส ซึ่งปัจจุบันมีฮันเดรด ไพเพอร์สเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 80% จากมูลค่าวิสกี้นำเข้าตลาดสแตนดาสที่ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโต 5%
สำหรับภาพรวมตลาดวิสกี้นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยขณะนี้ ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งถือเป็นการเติบโตมากกว่าปีก่อนที่เติบโตเพียง 2% เท่านั้น เนื่องจากภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคมีการปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับปีนี้สถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยค่อนข้างนิ่ง จึงทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีอารมณ์ออกมาจับจ่ายใช้สอย
อย่างไรก็ตามจากการที่มีผู้ประกอบการเข้ามาทำตลาดสุรานำเข้าเป็นจำนวนมาก ประกอบกับจำนวนผู้บริโภคไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดวิสกี้ในประเทศไทยในช่วง 5 ปีทีผ่านมาค่อนข้างอิ่มตัว สังเกตได้จากมูลค่าของตลาดรวมวิสกี้นำเข้า ซึ่งปัจจุบันยังอยู่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับตัวเลขเมื่อช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดวิสกี้นำเข้าก็น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่เกิน 5%
ปัจจุบันกลุ่มวิสกี้สแตนดาสมีสัดส่วนตลาดอยู่ที่ประมาณ 45% ของตลาดวิสกี้นำเข้า ซึ่งในส่วนของปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเท่ากับภาพรวมตลาดวิสกี้นำเข้าที่ประมาณ 5% ขณะที่ตลาดวิสกี้กลุ่มพรีเมี่ยมและดีลักซ์มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 50% มีอัตราการเติบโตสูงกว่ากลุ่มสแตนดาส เนื่องจากผู้บริโภคหันมาซื้อวิสกี้คุณภาพบริโภคมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีแบรนด์จอห์นนี่ วอล์คเกอร์เรดเลเบิล และจอห์นนี่ วอล์คเกอร์แบลคเลเบิล ของดิอาจิโอเป็นผู้นำตลาด ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 90%
สำหรับสัดส่วนที่เหลืออีก 5% เป็นตลาดซูเปอร์ดีลักซ์ มีอัตราการเติบโตทรงตัว ซึ่งในส่วนของตลาดนี้ดิอาจิโอก็มีสินค้าจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ในกลุ่ม บลู และกรีน เข้าทำตลาดอีกเช่นกัน
ข่าวเด่น