ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2013 นับเป็นช่วงเวลาแห่งเทศกาลการประกาศรางวัล ดังนั้นจึงมีข่าวคราวที่เกี่ยวเนื่องกับการประกาศผลรางวัลหลายเวทีออกมามากมาย โดยเฉพาะเวทีออสการ์ ที่เป็นเวทีใหญ่ที่สุดในวงการภาพยนตร์ เรียกว่าตั้งแต่ประกาศผลผู้ได้เข้าชิงในสาขาต่างๆ ก็จะมีข่าวคราวเคลื่อนไหวมาเรื่อยและคงจะมีจนกว่าจะประกาศผลเสร็จสิ้นสักระยะ
ตอนนี้ความสนใจของผู้คนก็ยิ่งมุ่งความสนใจไปที่ ภาพยนตร์เรื่อง Argo ซึ่งกวาดรางวัลใหญ่ๆไปครองได้ทุกเวทีที่ผ่านมา ทั้งลูกโลกทองคำ , Producers Guild , Directors Guild รวมทั้ง ล่าสุดรางวัล BAFTA หรือที่หลายคนตั้งฉายาว่า "ออสการ์แห่งแดนอังกฤษ" ทำให้เป็นที่พูดถึงกันมาสักระยะหนึ่งว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จในเวทีออสการ์จริงๆหรือไม่ ซึ่งผลจะออกมาอย่างไรคงต้องไปลุ้นกันเอาในคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่นหรือเช้าวันที่ 25 กุมภาพันธ์ตามเวลาประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม จะได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปครองหรือไม่ ต้องยอมรับว่าการที่ Argo ได้รับรางวัลจากเวทีต่างๆมากมาย ส่งผลต่อความรู้สึกของคนดูในสหรัฐฯที่อยากจะชมภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ทางผู้สร้างก็ลุ้นว่า Argo จะทำเงินมากน้อยแค่ไหนด้วยก่อนจะลงโรงไป
Argo เริ่มลงโรงฉายในสหรัฐฯตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งเปิดตัวได้สวยหรูทีเดียวเริ่มฉายใน 3,232 โรง ทำรายได้ในสัปดาห์แรกที่เข้าฉาย 19 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ และพอเข้าฉายในสัปดาห์ที่สามก็ขึ้นอันดับหนึ่ง Box Office แต่พอสัปดาห์แรกของปี 2013 Argo กลับเหลือโรงฉายเพียง 302 โรง ทำรายได้น้อยกว่า 800,000 ดอลลาร์ สหรัฐฯ และไม่ติดอันดับหนึ่งใน 20 อันดับภาพยนตร์ที่มากที่สุดในรอบสัปดาห์ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา Argo ทำรายได้ 2.5 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ทาง Warner Brothers บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เพิ่งโรงภาพยนตร์อีก 470 โรง ทำให้มีโรงภาพยนตร์ที่ฉาย 1,405 โรง และกลับมาติดอันดับภาพยนตร์ 10 เรื่องที่ทำรายได้มากที่สุดในรอบสัปดาห์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เทศกาลขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเท่าที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ไม่บ่อยนัก
โดยนับตั้งแต่ Argo ได้รับการประกาศว่าได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ 7 สาขา รวมทั้งสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี ก็เริ่มมีการเรียกร้องเพิ่มโรง และยิ่งเมื่อได้รางวัลจากเวทีต่างๆมากขึ้น ก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นไป ซึ่ง "เจฟฟ์ โกลด์สไตน์" รองประธานของ Warner Brothers ก็เปิดเผยว่า จริงๆอยากจะเพิ่มโรงฉายอีกในสัปดาห์นี้ แต่คงจะเป็นเรื่องลำบาก เพราะมีภาพยนตร์ใหม่ที่จ่อคิวจะเข้าฉายในวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ ไม่ว่าจะเป็น Beautiful Creatures , Safe Haven , Escape From Planet Earth และ Good Day To Die Hard
Argo มีกำหนดจะออกเป็นดีวีดีในสหรัฐฯ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการทำราวๆ 45 ล้านดอลลาร์ และก็อาจเป็นโอกาสอันดีที่จะทำรายได้ได้อีก หากว่า Argo จะคว้ารางวัลใหญ่ๆ โดยเฉพาะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งหากดูจากรายได้ของภาพยนตร์ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปีนี้ Lincoln (ซึ่งเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 12 สาขา) ทำรายได้ไป 174 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ตามมาด้วย Django Unchained , Les Miserables, Argo และ Life Of Pi ส่วนรายได้นอกสหรัฐฯนั้น Life Of Pi ทำรายได้มากที่สุดคือ 455 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ตามมาด้วย Les Miserables ที่ทำรายได้ไป 215 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ และ ด้วย Django Unchained ที่ทำรายได้ไป 187 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ส่วน Argo นั้นทำรายได้ต่างประเทศไป 75 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ
.jpg)
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในเวทีออสการ์จะต้องประสบความสำเร็จด้านรายได้เสมอไป ขณะที่ภาพยนตร์อย่าง Forest Gump , Titanic และ Lord Of The Rings ซึ่งคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ไปครองได้ และทำรายได้ไปกว่า 100 ล้าน ดอลลาร์ สหรัฐฯ แต่ The Hurth Locker ที่คว้าออสการ์ สาขาเดียวกันนี้ เมื่อปี 2009 กลับทำรายได้เพียง 17 ล้าน ดอลลาร์ สหรัฐฯ ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับ Avatar คู่แข่งลุ้นออสการ์ในปีเดียวกัน ที่ทำรายได้ถึง 750 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ซึ่งก็คงต้องดูว่าท้ายที่สุดแล้ว กรณีของ Argo จะทำเงินได้มากน้อยแค่ไหน.
.jpg)
ข่าวเด่น