ไอที
เตือนพ่อแม่รู้ทัน 'เฟอร์บี้..ฟีเวอร์!!'




ต้องยอมรับว่า เวลานี้ สัตว์เลี้ยงของเล่นไฮเทค อย่าง “เฟอร์บี้” กำลังได้รับความนิยม เข้าข่ายการระบาดได้เลยทีเดียว เล่นกันทั้งในกลุ่มเด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่ ที่พอมีสตางค์จะซื้อหามาเล่นได้ เร็วๆนี้ยังจะมีรุ่นใหม่ออกมาอีก ซึ่งบริษัท Hasbro ผู้ผลิตเพิ่งเปิดตัวที่งานแสดงสินค้าของเล่นนานาชาติในนครนิวยอร์กของสหรัฐเมื่อเร็วๆนี้ มีชื่อว่า  "Party Rockers" สามารถสื่อสารผ่านเฟอร์บี้ด้วยกันได้ผ่านอุปกรณ์ iOS ทั้งตัวรุ่นใหม่รุ่นเก่าคุยกันได้สนุกไปเลย

 
 
แน่นอนว่า อีกไม่ช้าคงจะข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงไทยอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กระแสความนิยมเจ้าของเล่นไฮเทคนี้และอื่น ๆ สร้างความกังวลให้กับเหล่านักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญบางรายอยู่ไม่น้อยจนให้ต้องออกโรงเตือนบรรดาผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ของเล่นไฮเทค กลายเป็นสิ่งให้โทษทั้งต่อสุขภาพ พัฒนาการของเด็กและทักษะด้านสังคม
 
 
นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ  ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหนึ่งในนั้นที่ห่วงใยกระแสเฟอร์บี้ฟีเวอร์ที่กำลังระบาดในกลุ่มเด็กวัยรุ่นอยู่ในขณะนี้   โดยกล่าวว่า ปัจจุบันมีของเล่นไฮเทคหลายชนิดที่เข้ามาในประเทศไทย ล่าสุดมีตุ๊กตาพูดอย่างเฟอร์บี้ที่กำลังได้รับความนิยม ซึ่งแม้ของเล่นต่าง ๆ จะมีความทันสมัยสร้างความเพลิดเพลินให้กับเด็ก ๆ ก็ตาม แต่ผู้ใหญ่ก็ควรให้ความใส่ใจ เพราะอะไรที่มากเกินไป ก็อาจจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี โดยผู้ใหญ่เองอาจคาดไม่ถึง
 
ทั้งนี้ นายแพทย์กฤษดา ชี้มีผลร้าย 7 อย่าง ที่เห็นได้ชัดสำหรับเด็กที่หมกมุ่น อยู่กับการเล่นที่ผู้ใหญ่ต้องสังเกต ดังนี้คือ 
 

1. ลืมคุยสังคม คือ เด็กที่จมอยู่กับเกมส์ไฮเทค หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในบางครั้งก็ห่วงเล่นจนลืมกินข้าว ลืมทำการบ้าน หรือบางครั้งลืมหลับนอนเลยก็มี การไม่เงยหน้าขึ้นจากของเล่น ถ้าเป็นนาน ๆ จะทำให้ไม่คุ้นชินกับการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และอาจกลายเป็นคนไม่เป็นมิตรต่อสังคมได้
 
2. จมกับของเล่น  ของเล่นยุคใหม่มีเทคนิคล่อใจ ทั้งพัฒนาเป็นตุ๊กตาพูดได้คล้ายมีชีวิตอย่างเฟอร์บี้ ก็ยิ่งทำให้ติดจนไม่อยากวาง และถ้าเด็กนำไปโรงเรียนด้วย ก็จะยิ่งทำให้เสียสมาธิในการเรียน หรือกลับบ้านมาวิ่งหาของเล่นก่อนหาคุณพ่อคุณแม่ ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง 
 

3. เป็นเด็ก นอนดึก  เด็กที่ติดของเล่นจนลืมเข้านอนตามเวลาที่ควร จะทำให้กลายเป็นเด็กแกร็นไม่โตได้  เพราะการนอนดึกในเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยที่ยังไม่ถึง 20  ปี จะมีผลไปกดโกรทฮอร์โมนหรือเคมีตัวสูงที่ช่วยให้เด็กโตเต็มวัยมีกล้ามเนื้อ และที่สำคัญคือช่วยให้สมองดีได้ด้วย 

4. เป็นเด็กก้าวร้าว  เด็กที่หมกมุ่นอยู่กับของเล่นเสมือนจริง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงไฮเทค หรือเกมส์ในแท็บเล็ตที่ดูเสมือนเล่นกับสัตว์  คุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลาให้ลูกได้พบเจอสัตว์จริง ๆ บ้าง  การที่เด็กอยู่กับของเล่นเสมือนสัตว์พวกนี้ตลอดเวลา จะทำให้จิตใจติดอยู่แต่ในกรอบสัตว์ของเล่นเท่านั้น  และคิดว่าสัตว์มีชีวิตตายก็คิดว่าเสียเหมือนของเล่นที่ซ่อมใหม่ได้ และถ้ารุนแรงจนเข้าใจผิดว่าสัตว์ไม่มีชีวิตจิตใจเหมือนของเล่น จะกลายเป็นเด็กก้าวร้าวทำร้ายสัตว์เล็กๆ และลามเกเร รวมไปถึงเพื่อนเด็กคนอื่นๆได้
 
5. เข้าใจไปเอง  เด็กที่อยู่กับของเล่นนานๆ อาจมีอาการพูดคนเดียวได้  แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกแต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย คือ พัฒนาการพูดและพัฒนาการสมองอาจช้าลง คือเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ใช่คนจริงๆแต่เป็นเพียงแค่ของเล่น เสมือนจริงเท่านั้น  ทั้งนี้สมองของเด็กยังไม่อาจแยกแยะเสียงแท้หรือเสียงเทียมได้อย่างชัดเจน  ก็อาจทำให้เด็กเลียนเสียงตามของเล่น กลายเป็นเด็กเสียงการ์ตูนไป
 

6. ไม่วิ่งเล่นสมวัย  เด็กที่จมอยู่กับของเล่นทั้งวัน จะทำให้ไม่ยอมออกไปวิ่งเล่นตามวัย ยิ่งเด็กในวัยเรียนยิ่งขาดทักษะการเล่นไม่ได้เลย โดยเฉพาะการวิ่งเล่น ว่ายน้ำ เล่นกีฬาหรือว่าเล่นกับเด็กคนอื่นๆ  เพราะการเล่นเป็นการต่อยอดทักษะอื่น  อาทิ การขยับกายบ่อยๆ ช่วยฝึกสมอง หรือการวิ่งเตะบอลกับเพื่อนสักแค่ครึ่งชั่วโมง ก็มีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อกับกระดูกแข็งแรง  การออกกำลังกายตามวัยแค่วันละไม่กี่อึดใจช่วยให้สมองดี และมีพัฒนาการทางความสูงได้ แต่ถ้าถูกจับให้ติดอยู่กับของเล่นที่เสียเวลาไปเป็นชั่วโมงจะทำให้เด็กเฉื่อยและกลายเป็นเด็กอ้วนแทน

และสุดท้าย 7. คือ กลายเป็นเด็กอมโรค  สิ่งที่ไม่ควรวางใจในของเล่นคือ เป็นแหล่งเพาะโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคทางเดินหายใจ อย่างไข้หวัด,ไข้หวัดใหญ่,ภูมิแพ้ หรือโรคผิวหนังอย่างผื่นคัน,เป็นแผลตามปากและจมูก,ตุ่มฝีตามตัว,โรคมือเท้าปากไปจนถึงโรคติดเชื้อเล็กๆ น้อยๆ  นั่นเป็นเพราะของเล่นเหล่านี้ มีที่เก็บเชื้อ เช่น กรณีตุ๊กตามีขนปุกปุยจะอมเชื้อไว้ที่ขนนุ่มๆนั้นได้ก่อให้เกิดภูมิแพ้จากไรฝุ่น ส่วนคอมพิวเตอร์ไฮเทคแบบแทบเล็ตที่ใช้นิ้วสัมผัสก็สามารถพาโรคมาทางการสัมผัสได้ ทั้งโรคหวัด,มือเท้าปากและตาแดงเจ็บตา เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นได้ว่า การใช้ของเล่นที่ผิดวิธีหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจนำมาซึ่งผลร้ายได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่ควรมองข้าม!!

LastUpdate 23/02/2556 00:10:45 โดย : Admin
20-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 20, 2024, 7:21 pm