กองทุนรวม
บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ 6M3ผลตอบแทน 3.00%


บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ 6M3(KFFIF6M3) อายุประมาณ 6 เดือน  เสนอขายระหว่างวันที่  12 – 18 มี.ค. 56 ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท  จ่ายผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี   
 

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด  (บลจ.กรุงศรี)เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ 6M3(KFFIF6M3) อายุประมาณ 6 เดือน        มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ  เช่น  เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)  สัดส่วนการลงทุน 20%   เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาขามาเก๊า , สาธารณรัฐประชาชนจีน) สัดส่วนการลงทุน 10%   เงินฝากธนาคาร Commercial  Bank of Qatar (กาตาร์) สัดส่วนการลงทุน 10%  ตราสารหนี้ ECP รับประกันโดยธนาคาร Sberbank of Russia  สัดส่วนการลงทุน 15%  ตราสารหนี้ ECP รับประกันโดยธนาคารGazprombank OJSC (รัสเซีย) สัดส่วนการลงทุน 15%  ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Santander Brasil S.A. (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 15%  และตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Itau Unibanco S.A (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 15%และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.00 % ต่อปี  และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน   เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป” 
 
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ 6M3(KFFIF6M3) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก            และสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน” ”
   
นายฉัตรพี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการขยายตัวเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยตลาดแรงงานและตลาดที่อยู่อาศัยปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ผลกระทบจากการสิ้นสุดมาตรการภาษีจะเริ่มเห็นในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป  ทางด้านดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นมากกว่าที่คาดในเดือนกุมภาพันธ์ และการใช้จ่ายส่วนบุคคลยังคงเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม  นอกจากนี้ ผลการทดสอบภาคธนาคารภายใต้ภาวะวิกฤตของเฟดบ่งชี้ว่า ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ 17 จาก 18 แห่งมีเงินทุนมากพอที่จะรองรับการทรุดตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจ  จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดี ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนเป็นไปในทางบวก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น และเส้นอัตราผลตอบแทนมีลักษณะชันมากขึ้น ถึงแม้มาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายโดยอัตโนมัติ (sequestration) มูลค่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมก็ตาม  ขณะที่ทางด้านธนาคารกลางยุโรปมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย และธนาคารกลางยุโรปได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้ลงจากเดิมคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 0.3 เป็นหดตัวร้อยละ 0.4 และคาดว่าจีดีพีปี 2557 จะขยายตัวร้อยละ 1.0 จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 1.2” 
  


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 มี.ค. 2556 เวลา : 16:18:29
12-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 12, 2024, 5:50 pm