เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
สัญญาณร้ายเงินบาทแข็งค่า


 เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา   ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ    เมื่อนายหทัย   อู่ไทย  รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)  เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 56  หรือในช่วงเดือนมกราคม- กุมภาพันธ์   ผู้ประกอบการส่งออกไทยสูญเสียรายได้จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นประมาณ  4.05% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน  แล้วประมาณ  35,733 ล้านบาท

โดยอุตสาหกรรมยานยนต์มีสัดส่วนในการสูญเสียรายได้มากสุด 4,758 ล้านบาท รองลงมาเป็นคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน 3,516 ล้านบาท    และหากค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปียังอยู่ในระดับ 29.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าผู้ส่งออกไทยจะสูญเสียรายได้ 232,000 ล้านบาท   ทำให้จีดีพีภาคอุตสาหกรรมปี 2556 ลดลงร้อยละ 2.72 จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 6 จะเหลือร้อยละ 3.28

ด้านประธานกรรมการหอการค้าไทย    นายอิสระ  ว่องกุศลกิจ   กล่าวถึงกรณีปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ขณะนี้ว่า ทางคณะกรรมการหอการค้าชุดใหม่อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท เพื่อไม่ให้มีความผันผวนมากเกินไป ซึ่งหากเงินบาทแข็งค่าในอัตราที่ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังถือว่าไม่น่าเป็นห่วง แต่หากผันผวนเกินกว่าประเทศเพื่อนบ้านถือว่าเป็นเรื่องอันตราย โดยภาครัฐควรส่งสัญญาณให้ผู้ประกอบการมีการเตรียมตัวรับสถานการณ์

ขณะที่นางวัชรี วิมุกตายน   ปลัดกระทรวงพาณิชย์   เปิดเผยว่าการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์มีมูลค่า 17,928ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5.83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา    เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกระทบต่อการส่งออกของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี   รวมทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะ เศรษฐกิจสหรัฐกลุ่มประเทศยุโรปและญี่ปุ่น   ซึ่งเป็นตลาดหลักยังชะลอตัว

โดยการส่งออกสินค้าในหมวดสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรลดลง 13.5 % ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญอย่างข้าวลดลง 20.2 % ยางพาราลดลง11%อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป ลดลง 1.5 %ทำให้การส่งออก 2เดือนแรกของปีนี้การส่งออกภาพรวมมีมูลค่า36,197ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น4.09 % 

แต่เชื่อว่าในเดือนมีนาคมการส่งออกจะกลับมาขยายตัวเป็นบวก   เนื่องจากผลผลิตของสินค้าเกษตรที่จะมีมากขึ้นและคาดว่าค่าเงินบาทไม่น่าจะแข็งค่าไปมากกว่านี้   แม้เดิมจะตั้งสมมติฐานค่าเงินบาทไว้ที่30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแต่ค่าเงินบาท ที่ประมาณ 29บาทต่อดอลลาร์สหรัฐนั้นยังสามารถผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวได้8-9 % ตามเป้าหมาย

ซึ่งกระทรวงจะมีการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการส่งออกร่วมกับทูตพาณิชย์อีกครั้งในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ รวมทั้งจะหารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ในวันที่ 9 เมษายน  เพื่อร่วมกับประเมินถึงภาพรวมและอุปสรรคต่อการส่งออก

ส่วนศูนย์วิจัยกสิกรไทย  ระบุว่า  การส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ ที่เติบโตเพียง 5.83%  เป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนวันทำการที่น้อยกว่าในเดือนอื่นๆ   ผลของฐานเปรียบเทียบในปี 2555 ที่เป็นช่วงที่เร่งฟื้นตัวจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่    ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก  

ส่วนในเดือนมีนาคมคาดว่า มูลค่าการส่งออกของไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปยังคู่ค้าสำคัญของไทย เช่นจีน  และญี่ปุ่น    แต่ยังต้องติดตามทิศทางการแข็งค่าของเงินบาท  เพราะเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขัน และการตัดสินใจรับคำสั่งซื้อของผู้ส่งออกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 มี.ค. 2556 เวลา : 14:51:15
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 5:09 am