กรุงศรีฯ เร่งเกมบุกสินเชื่อเอสเอ็มอี ไล่กวาดธุรกิจรายเล็ก-รายย่อย ชู 4 กลยุทธ์เปิดเกมรุก สานเป้าหมายสินเชื่อโตปีละ 15%

นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงยุทธศาสตร์การเติบโตในปีนี้ว่า ธนาคารจะมุ่งขยายตลาดสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่มีวงเงินสินเชื่อ 12-30 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจรายย่อยวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 12 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพจะเติบโตได้ค่อนข้างมาก และปัจจุบันยังมีสัดส่วนอยู่ในพอร์ตสินเชื่อของธนาคารไม่มากนัก จึงยังมีช่องทางให้ขยายตัวได้

"เราเองก็อยากโตในตลาดเอสเอ็มอีรายเล็กและรายย่อยด้วย เพราะเป็นกลุ่มที่ให้มาร์จิ้นค่อนข้างดีกว่ากลุ่มอื่นๆ เฉลี่ยแล้วดอกเบี้ยประมาณ 8-9% ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางซึ่งวงเงินสินเชื่อเกิน 30 ล้านบาทขึ้นไปนั้นจะช่วยในแง่การขยายตัวของวอลุ่มสินเชื่อได้ดี แต่ดอกเบี้ยจะอยู่ในอัตราประมาณ 5-6% เท่านั้น"

 สำหรับกลยุทธ์ในการเข้าถึงลูกค้านั้น นายสยามอธิบายว่า ธนาคารกำหนดไว้ 4 กลยุทธ์ความง่าย ประกอบด้วย ง่ายในการเข้าถึงคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เนื่องจากธนาคารใช้โมเดล "กรุงศรี แวลูเชน โซลูชั่นส์" ซึ่งเริ่มจากจับมือพันธมิตรธุรกิจรายใหญ่แล้วต่อยอดไปยังธุรกิจเอสเอ็มอีที่เป็นซัพพลายเออร์ เพื่อเข้าไปให้บริการธุรกิจในกลุ่มนี้ครบทั้งวงจร  

กลยุทธ์ส่วนนี้ลูกค้าธุรกิจมีเครือข่ายที่กว้างขึ้น มีข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และมีโอกาสในการจับคู่ธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย โดยในเร็วๆ นี้ ธนาคารมีแผนจะออกบริการใหม่เกี่ยวกับการจับคู่ธุรกิจโดยเฉพาะ เบื้องต้นจะเริ่มที่กลุ่มธุรกิจเฮลธ์แคร์ และชิ้นส่วนรถยนต์

 กลยุทธ์ต่อมาเป็น ผลิตภัณฑ์ที่เน้นเข้าใจง่าย แตกต่าง และตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มรายเล็กให้มากขึ้น เช่นปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์สินเชื่อทันใจ ที่ให้วงเงินสูงสุด 3 เท่า รวมถึงสินเชื่อทันใจที่ออกมาช่วยเหลือลูกค้าที่น้ำท่วมโดยเฉพาะ

 กระบวนการที่รวดเร็ว ง่าย และไม่ซับซ้อน ก็เป็นอีกโจทย์หนึ่งที่ลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีต้องการ จึงทำให้ธนาคารหยิบขึ้นมาเป็นกลยุทธ์ที่สาม โดยดึงระบบ One Scan มาใช้ในกระบวนการพิจารณาสินเชื่อรายย่อยให้รวดเร็วขึ้น ทราบผลภายใน 3 วัน ซึ่งปีนี้ก็จะลดระยะเวลาพิจารณาลงเหลือ 2 วัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว  

สุดท้ายเป็นความง่ายด้วยแรงสนับสนุนจากธุรกิจในเครือกรุงศรี ที่มีธุรกิจด้านการเงินอย่างครบถ้วนทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อรายย่อยต่างๆ ซึ่งสามารถเข้ามาสนับสนุนความต้องการทางการเงินในฝั่งอื่นๆ ของธุรกิจเอสเอ็มอีได้อย่างครบถ้วน รวมถึงสามารถใช้เครือข่่่ายพันธมิตรของธุรกิจในเครือเหล่านี้เป็นจุดต่อยอดธุรกิจได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งเช่นกัน

"เราวางเป้าหมายการเติบโตที่มั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว เฉลี่ยแล้วจะเติบโตปีละ 15% ตั้งแต่ปี 2556 ก็น่าจะมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างประมาณ 2.08 แสนล้านบาท และเชื่อมั่นว่าแผน 3 ปี ก็จะยังคงรักษาระดับการเติบโตนี้เอาไว้ได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ภาพของธุรกิจสินเชื่อเอสเอ็มอีกรุงศรีฯ ในปี 2559 จะมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างขึ้นไปถึง 3.2 แสนล้านบาท ขึ้นไปอยู่ในท็อป 3 ของตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีได้" นายสยาม กล่าว