กลุ่มทิสโก้เผยผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2556 เติบโตต่อเนื่อง กำไรสุทธิขยายตัว 37.9% สินเชื่อเติบโตทุกภาคส่วน พร้อมรักษาระดับเอ็นพีแอลต่ำสุดในระบบธนาคารที่ 1.28% ตอกย้ำประสิทธิภาพการบริหารจัดการหนี้อย่างมีคุณภาพ ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้สดใส มุ่งมั่นเดินหน้าธุรกิจภายใต้จุดยืนตอบสนองทุกโจทย์การเงินให้ลูกค้าทุกกลุ่ม
         
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2556 โดยกลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิจำนวน 1,154 ล้านบาท หรือเติบโต 37.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายตัวของสินเชื่อทุกภาคส่วน รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตอย่างโดดเด่น ขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 24.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 20.0%
         
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2556 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2555 กลุ่มทิสโก้มีรายได้ดอกเบี้ยรวมเพิ่มขึ้น 30.9% ตามการขยายตัวของสินเชื่อ ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นถึง 59.6% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ซึ่งเพิ่มขึ้น 71.0% ตามการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อ และธุรกิจนายหน้าประกันภัย และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ โดยมีรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง 104.0% และรายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจจัดการกองทุนที่เพิ่มขึ้น 41.3%
        
 สำหรับเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2556 เทียบกับสิ้นปี 2555 สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้มีจำนวน 266,785 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4% ตามการเติบโตของสินเชื่อในทุกภาคส่วน โดยมูลค่าของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีจำนวน 176,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล นอกจากนี้ สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค มีจำนวน 11,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% ด้านสินเชื่อธุรกิจมีจำนวน 44,768 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อในกลุ่มสาธารณูปโภคและการบริการ และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีจำนวน 29,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อในกลุ่มการผลิตและการพาณิชย์ โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อผู้จัดจำหน่ายรถยนต์
         
ด้านเงินฝากรวม ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2556 มีจำนวน 261,974 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากสิ้นปี 2555 ในขณะที่มีสภาพคล่องส่วนเกินประมาณ 29,381 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับสินทรัพย์สภาพคล่องตามเกณฑ์ของ ธปท. จำนวน 16,060 ล้านบาท ส่งผลให้สินทรัพย์สภาพคล่องทั้งหมดคิดเป็นอัตราส่วนสภาพคล่องทั้งหมดที่ 17.0% ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดไว้ที่ 6.0%
        
นอกจากนี้ กลุ่มทิสโก้ยังสามารถรักษาระดับอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต่อสินเชื่อรวมไว้ที่ 1.2 – 1.3% ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ สะท้อนให้เห็นการบริหารจัดการสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และติดตามคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด โดยมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีมาตรฐานในระดับสากล
         
สำหรับผลงานดำเนินงานของธุรกิจหลักทรัพย์ (บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด) ในไตรมาส 1 ปี 2556 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2555 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันผ่าน บล. ทิสโก้ เท่ากับ 3,375 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 156.4% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 2.2% เป็น 2.6% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการมุ่งเน้นการให้บริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน และงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ โดยบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนดอยซ์ ทิสโก้ จำกัด (บลป. ดอยซ์ ทิสโก้) ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีจำนวน 363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.0% ด้านธุรกิจจัดการกองทุน (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด) มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556 จำนวน 156,923 ล้านบาท โดยมีรายได้ค่าธรรมเนียมรวม 264 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 41.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
         
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (Mrs. Oranuch Apisaksirikul, Group Chief Executive) กล่าวสรุปภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ว่า ด้วยบุคคลากรที่มีศักยภาพ และการบริหารจัดการที่ดี ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ในไตรมาสที่ผ่านมา กลุ่มทิสโก้ยังคงมีการเติบโตที่น่าพอใจในทุกกลุ่มธุรกิจ และสำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2 ปี 2556 กลุ่มทิสโก้ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขยายธุรกิจทุกภาคส่วน ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป
         
“ภาพรวมเศรษฐกิจไทยตอนนี้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2555 ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงและมีความเปราะบางในหลายด้าน ซึ่งเรายังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะยังมีการเติยโตได้ในระดับที่ดี และจากกลยุทธ์การดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ที่เน้นการดำเนินธุรกิจที่เราเชี่ยวชาญ ด้วยระบบการบริหารจัดการที่ดี และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงจุด จะเป็นแรงสนับสนุนให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ทั้งปี ที่ระดับ 15-20% ได้” นางอรนุช กล่าว