นับเป็นวาระยิ่งใหญ่สำหรับประเทศอินเดียเมื่อวงการภาพยนตร์อินเดียมีอายุครบ 100 ปีพอดิบพอดี ซึ่งงานนี้ "ดิบาการ์ บาเนอร์จี" ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังได้สร้างหนังสั้นเรื่อง "Bombay Talkies" ซึ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่อินเดียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 3 พฤษภาคม)
"Bombay Talkies" ดัดแปลงจากนวนิยายเรื่อง Patol Babu , Film Star ซึ่งเขียนโดย "ซาตยาจิต เรย์" ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักแสดงคนหนึ่ง ซึงสำหรับ "Bombay Talkies" เกิดขึ้นหลังจากภาพยนตร์เรื่อง "Raja Harishchandra" ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์อินเดียเรื่องแรก อยู่หนึ่งศตวรรษ
นอกจากนี้ Bambay Talkies ยังจะได้ฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ที่จะมีในเดือนพฤษภามคมนี้ด้วย งานนี้ บาเนอร์จี ได้เปิดใจถึงหนังสั้นที่แสนภาคภูมิใจของเขาเรื่องนี้
- การสร้างหนังสั้นเรื่องนี้แตกต่างกับหนังใหญ่ที่คุณเคยสร้างอย่างไร
มีทั้งแง่ที่เหมือนกันและแตกต่างครับ เรื่อง Bombay Talkies ผมนำเอาเรื่อง Patol Babu , Film Star มาดัดแปลง ซึ่งผมยังคงแก่นของเรื่องไว้แต่ว่าเปลี่ยนจากเรื่องเดิมที่ในท้องเรื่องเป้นเรื่องที่เกิดในกัลกัตตาในยุคทศวรรษปี 1960 มาเป็นเรื่องที่เกิดในบอมเบย์ ปี 2013 แต่ก็ยังเป็นเรื่องของนักแสดงชายที่นิยามคำว่าประสบความสำเร็จในแบบของเขาเอง
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นภาพยนตร์ที่เน้นเรื่องอารมณ์หรือเปล่า
ผมไม่ได้พยายามจะยกเลิกฉากอารมณ์ทั้งหลาย แต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่ชอบถ้ามีซีนอารมณ์มากเกินไป อย่างไรก็ตาม นี่เป็นภาพยนตร์ที่เน้นอารมณ์มากที่สุดตั้งแต่เคยสร้างมาเลย และยังมีบทสรุปด้วย
- หมายความว่าภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่ผ่านมาของคุณไม่มีบทสรุปหรือ
อย่างที่ทุกๆ คนทราบครับว่าภาพยนตร์บางเรื่องของผมก็มีบทสรุปที่ชัดเจน แต่หลายๆเรื่องผมไม่ได้สรุปไว้ชัดเจน แต่ให้ผู้ชมได้คิดต่อ ซึ่งทั่วๆไปแล้ว ผมเคารพความคิดของคนดู ผมชอบที่จะให้พวกเขาคิดมากกว่าบอกอะไรกับพวกเขาครับ
- คุณมุ่งเน้นอะไรในภาพยนตร์เรื่องนี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับบทบาทของภาพยนตร์อินเดียต่อชีวิตของชาวอินเดีย ขณะเดียวกันประเด็นในเรื่องนี้หลายๆ อย่างก็เป็นเรื่องสากล ซึ่งถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สื่อสารสิ่งที่ใหญ่และมีความหมายมากๆ ให้ทุกคนได้รับรู้และเข้าใจ
- คุณคิดว่าภาพยนตร์อินเดียเปลี่ยนแปลงไปไหมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ไม่เลยครับ ภาพยนตร์สะท้อนสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เราอยากจะเป็น เมื่อคุณดูหนังรักของ คาราน โจฮาร์ หรือ อาทิตยา โชปรา คุณจะเห็นภาพของคนในยุค 1995 และสะท้อนสิ่งที่ผู้คนยุคนั้นอยากเป็น เหมือนกับภาพยนตร์ในยุค 1970 หรือ 1940 ที่สะท้อนสิ่งที่คนยุคนั้นเป็นและอยากจะเป็น ดังนั้นเมื่อคุณดูภาพยนตร์ก็เหมือนคุณได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วย
- เราหลงลืมภาพยนตร์ท้องถิ่นในการฉลองครบศตวรรษภาพยนตร์อินเดียไปหรือเปล่า นี่เฉพาะสำหรับภาพยนตร์ภาษาฮินดี หรือที่เรียกว่า "บอลลีวู้ด" เท่านั้นหรือ
ถ้าผมเป็นคนสร้างหนังจากเบงกอล ผมคงจะสร้างหนังออกมาในภาษาเบงกาลี แต่ผมสร้างหนังในบอลลีวู้ด สร้างออกมาในภาษาฮินดี ซึ่งเป็นภาษาที่คนใช้มากที่สุดในอินเดีย ภาพยนตร์จากบอลลีวู้ดจึงมีมากที่สุดเมื่อเทียบกับภาษาอื่นๆ ในอินเดีย ผมเองก็อยากให้ภาพยนตร์ภาษาอื่นในอินเดียเจริญก้าวหน้า ซึ่งการที่ภาพยนตร์บอลลีวู้ดเจริญก้าวหน้า แต่ภาพยนตร์ท้องถิ่นไม่ไปไหน นั่นก็ไมใช่ความผิดของภาพยนตร์ภาษาฮินดีครับ ถ้าจะเป็นความผิด ผมว่าเป็นความผิดของคนสร้างหนังท้องถิ่นมากกว่า ที่ไม่สามารถทำให้คนมาดูหนังของพวกเขาได้มากพอ
ข่าวเด่น