เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับความร่วมมือระหว่าง "ธนาคารธนชาต" และ "พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต" ที่เดินหน้าดีลกันมาเป็นแรมปี ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ทางพรูเด็นเชียลฯ ก็ได้จ่ายเงินถึง 1.75 หมื่นล้านบาท ให้แก่ธนาคารธนชาต เพื่อเข้าถือหุ้น 100% ใน "ธนชาตประกันชีวิต" พร้อมกับคว้าสัญญาความเป็นพันธมิตรในตลาด "แบงก์แอสชัวรันซ์" กับธนาคารเป็นเวลา 15 ปี
"สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ได้เริ่มต้นความร่วมมือขายประกันชีวิตให้แก่พรูเด็นเชียลฯ มาตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยทุกช่องทางของธนาคารที่มีศักยภาพในการทำตลาดได้ ทั้งสาขากว่า 630 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนทีมช่องทางขายด้านธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ที่เป็นจุดแข็งของธนาคารนั้น ก็เริ่มนำผลิตภัณฑ์ของพรูเด็นเชียลฯ เข้าไปเริ่มขายแล้วเช่นกัน
"เรามั่นใจว่าฐานลูกกค้าของธนาคารธนชาตที่มีกว่า 4 ล้านราย จะได้รับการนำเสนอแบบประกันชีวิตได้ดียิ่งขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างกันนี้"
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ลูกค้าเดิมของธนชาตประกันชีวิตที่มีอยู่กว่า 1 ล้านรายเกิดความสับสนในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว นายสมเจตน์กล่าวว่า ภายในข้อตกลงระหว่างธนาคารและพรูเด็นเชียลฯ นั้น จะยังคงชื่อบริษัทและแบรนด์ "ธนชาตประกันชีวิต" เอาไว้ก่อนในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ระหว่างนั้นก็จะทยอยชี้แจงแก่ลูกค้าให้ครบถ้วน ขณะที่การขายใหม่จากนี้เป็นต้นไปก็จะเป็นสินค้าของพรูเด็นเชียลฯ ทั้งหมด
จากนั้นเมื่อถ่ายโอนธุรกิจเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว ก็จะยกเลิกธุรกิจและคืนใบอนุญาตธุรกิจของธนชาตประกันชีวิตให้กับนายทะเบียน และเหลือเพียงพรูเด็นเชียลฯ เท่านั้นดำเนินธุรกิจต่อไป
ด้าน นายบินายัค ดัตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ.พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ลูกค้าเดิมของธนชาตประกันชีวิตจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย ผลประโยชน์ตามสัญญากรมธรรม์เป็นอย่างไรก็จะยังคงได้รับเช่นเดิม ขณะที่พนักงานของธนชาตประกันชีวิตซึ่งขณะนี้เกือบทั้งหมดได้โอนมาเป็นพนักงานของพรูเด็นเชียล ประกันชีวิตแล้วนั้น ก็จะยังคงได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์เช่นเดิม
ความร่วมมือนี้จะทำให้บริษัทมีความสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ทุกเซ็กเมนต์ แม้ว่ากลยุทธ์ของบริษัทจะยังคงมุ่งเน้น "หลากหลายช่องทาง" แต่ยอมรับว่า ในระยะสั้นนี้บริษัทคงต้องโฟกัสความร่วมมือกับธนาคารธนชาตในการพัฒนาตลาดแบงก์แอสชัวรันซ์เป็นงานหลักก่อน
ฉะนั้นแล้ว สัดส่วนของธุรกิจจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์จะกระโดดขึ้นมาเป็นงานหลักของธนาคารในสัดส่วนประมาณ 75% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ช่องทางไดเร็กท์มาร์เก็ตติ้งและตัวแทนจะมีสัดส่วน 20% และ 5% ตามลำดับ แม้ว่าในภาพรวมทั้งบริษัทจะยังคงเติบโต แต่แบงก์แอสชัวรันซ์ก็คือช่องทางหลักที่สร้างผลงานใหญ่ที่สุดในเวลานี้
"ในความร่วมมือครั้งนี้ จะเห็นพรูเด็นเชียลฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดและเติบโตในระดับที่น่าสูงกว่าตลาดด้วย เพราะมีลู่ทางในการทำตลาดได้หลากหลายขึ้น เพื่อสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดและครอบคลุมตลาดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับฐานลูกค้าของธนาคารที่มั่นใจได้ว่าความร่วมมือครั้งนี้จะได้ประโยชน์ที่ดีสำหรับทุกฝ่าย ไม่ว่าลูกค้า ธนาคาร และพรูเด็นเชียลเอง ซึ่งก็ยังคงเป้าหมายที่จะต้องการเป็น 1 ใน 5 บริษัทชั้นนำของตลาดประกันชีวิตในไทยให้ได้ต่อไป" นายบินายัคกล่าว
.jpg)
.gif)
.jpg)
ข่าวเด่น