ชื่อของ "เออร์ฟาน ข่าน" อาจไม่เป็นที่คุ้นหูสำหรับชาวไทยมากนัก แต่ถ้าสำหรับคอหนังฮอลลีวู้ดแล้ว เป็นที่รู้จักกันดี ที่ผ่านมาเขามีผลงานเรื่อง Life Of Pi , Slumdog Millionaire และ A Mighty Heart ซึ่งผลงานใหม่ของเขา "The Lunch Box" เป็นภาพยนตร์ที่ร่วมทุนกันสร้างระหว่าง อินเดีย ฝรั่งเศส และ เยอรมนี คว้ารางวัล Grand Rail d'Or
จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่บ้านชาวฮินดูกับชายชาวแคธอลิก ซึ่งรับบทโดย เออร์ฟาน และเมื่อเร็วๆนี้ เขาได้กล่าวถึงผลงานใหม่ของเขา รวมถึงพูดเกี่ยวกับวงการภาพยนตร์อินเดียว่ามีความเป็นสากลมากขึ้น - --อยากให้คุณพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง The Lunchbox
เป็นหนังรักที่น่ารัก ดูแล้วรู้สึกดีครับ ถ้าคุณได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้ตุณยิ้มได้ ทั้งๆที่บทพูดของภาพยนตร์เรื่องนี้ง่ายมาก บทพูดอาจจะไม่มากนักแต่ภาพยนตร์สื่ออารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก ตัวละครอาจจะไม่พูดอะไรแต่คนดูรับรู้ได้ ซึ่งนี่คือเอกลักษณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ
-The Lunchbox เป็นผลงานการกำกับของ ริเทช บาทรา ซึ่งเป็นผลงานแรกของเขาด้วย คุณคาดหวังอะไรกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และทำไมคุณถึงตกลงใจเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้
บทภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเขียนอย่างวิเศษมาก เนื้อเรื่องมีเอกลักษณ์ ผมทราบดีครับว่าผู้กำกับไม่เคยกำกับหนังยาวมาก่อน แต่เขามีผลงานหนังสั้น และผลงานที่ผ่านมาของเขาดี ผมเชื่อมั่นในตัวเขา นอกจากนี้ ทีมงานที่ทำงานอยู่รอบข้างเขาก็ผ่านงานระดับนานาชาติ การตัดต่อก็ทำในสหรัฐฯ ส่วนดนตรีก็ทำในฝรั่งเศส และโปรดิวเซอร์ก็มีประสบการณ์ครับ และพวกเขารู้วิธีในการจัดการทีมได้ดี
-สตูดิโอใหญ่ๆ ร่วมกันสร้าง The Lunchbox คุณคิดว่าการร่วมมือกันกับต่างชาติจะเดินหน้าต่อไปอีกหรือเปล่า ครับ ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นอีกในตลาดภาพยนตร์อินเดีย และผมได้คุยกับโปรดิวเซอร์มานานหลายปี การร่วมมือกับต่างประเทศทำให้เรามีผลงานชิ้นยอดมากขึ้น ซึ่งเราได้เห็นผลงานบางเรื่องแล้ว และถ้าเราเดินหน้าต่อไปก็จะช่วยโปรดิวเซอร์และผู้กำกับหาตลาดใหม่ สร้างหนังภาษาใหม่ และทำให้ภาพยนตร์อินเดียเป็นที่รู้จัดมากขึ้น
-ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ภาพยนตร์อินเดียเอาจริงเอาจังมากขึ้นหรือไม่
เรายังต้องการมาร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ด้วยภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม และแม้คนส่วนมากจะรู้จักอินเดีย แต่เรายังต้องการที่จะสร้างภาพยนตร์มากขึ้น เพื่อให้เป็นประเทศที่คนพูดถึงในฐานะประเทศที่สร้างภาพยนตร์ดีๆ มากมาย ทว่าสิ่งสำคัญ คือ เราสร้างภาพยนตร์เพื่อคนในประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่คนต่างชาติ
-มุมมองของคุณต่อผู้สร้างภาพยนตร์อินเดียโดยทั่วไปเป็นอย่างไร
ภาพยนตร์อินเดียกำเนิดขึ้นมานานแล้ว แต่วงการภาพยนตร์อินเดียยังต้องการการเติบโตต่อไป ภาพยนตร์อินเดียที่ประสบความสำเร็จด้านการเงินมีอยู่ด้วยกันหลายเรื่อง แต่เรายังต้องการภาพยนตร์ที่หลากหลายขึ้น และเข้าถึงผู้ชมได้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
-อินเดียฉลองครบรอบหนึ่งศตวรรษภาพยนตร์ในปีนี้ คุณมองว่าในอีก 100 ปีข้างหน้า วงการภาพยนตร์อินเดียจะเปลี่ยนไปอย่างไร
ผมเองไม่สามารถจะมองเห็นเหตุการณ์ในอีก 100 ปีข้างหน้าได้ แต่ผมสามารถบอกกับทุกคนว่าเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของวงการภาพยนตร์อินเดียในอีก 5 ปี ข้างหน้า คุณจะเห็นภาพยนตร์เยี่ยมๆ หลายเรื่องออกมา โดยทั่วไปรูปแบบของภาพยนตร์จะเปลี่ยนไปทุกๆ 10-15 ปี เพราะว่าคนสร้างภาพยนตร์ และคนดูจะเป็นคนรุ่นใหม่ ผมเชื่อว่าวงการภาพยนตร์อินเดียจะค่อยๆ เปลี่ยนไปครับ
ข่าวเด่น