"กรุงไทย" ชักธงลุยโครงการรัฐ 2.2 ล้านล้าน กางแผน 3 เฟสรุกคืบบริการ มั่นใจเจาะตลาดโครงการรัฐสบาย ส่งทีมเฉพาะกิจประกบติดทุกโครงการ

นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึง โครงการลงทุนด้านคมนาคมของรัฐบาล มูลค่ากว่า 2.2 ล้านล้านบาท ว่า ธนาคารกรุงไทยให้ความสนใจและเตรียมพร้อมเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนด้านการเงินของโครงการนี้ เพราะเป็นโอกาสในการเข้าไปให้บริการด้านธุรกรรมการเงิน ซึ่งได้ส่งทีมเข้าไปร่วมคุยกับทางรัฐบาลว่าจะสามารถช่วยจัดสรรบริการทางการเงินต่างๆ เข้าไปอย่างไรได้บ้าง

สำหรับการประเมินแผนการลงทุนนี้ นายวรภัคระบุว่า จะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนที่ธนาคารจะสามารถเข้าไปสนับสนุน คือ 1.) บริการที่ปรึกษาทางการเงิน สำหรับวางแผนทางการเงินให้สำหรับทั้งโครงการใหญ่ และโครงการย่อยๆ ลงไป เนื่องจากโครงการแต่ละประเภทจะใช้แหล่งเงินและปริมาณเงินแตกต่างกันไป อาจต้องใช้ทั้งตลาดตราสารทุน และตราสารหนี้ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวผสมกัน ซึ่งน่าจะใช้เงินทุนในประเทศเป็นหลัก

2.) การระดมทุน ซึ่งจะเป็นไปตามแผนงานที่ได้กำหนดเอาไว้ตั้งแต่การทำแผนงบประมาณการเงิน นอกจากระดมเงินมาให้ได้เพื่อใช้ลงทุนตามเป้าหมายแล้ว บริการธุรกรรมส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการระดมเงินก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจด้วย เช่น การบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะด้านอัตราแลกเปลี่ยน ที่เงินทุนส่วนหนึ่งจะต้องนำไปใช้สั่งซื้อเครื่องมือหรือวัตถุดิบบางประเภทเข้ามาก่อสร้าง เป็นต้น

3.) ซัพพลายเชน เนื่องจากเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ จึงไม่มีใครสามารถรับงานไปคนเดียวทั้งหมด จึงทำให้ธุรกิจรายรองลงไปรวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่างๆ ในฐานะที่เป็นซัพพลายเออร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมารายกลางและรายเล็ก ตั้งแต่ธุรกิจก่อสร้างแผ่ขยายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ให้มีโอกาสขยายตัวและลงทุนทำธุรกิจเพ่ิมขึ้นด้วย

"ผมมองว่าเฟสที่ 3 ในเรื่องซัพพลายเชน น่าจะเป็นไฮไลท์ของบริการทางการเงินเลย เพราะขยายอานิสงส์ออกไปเป็นวงกว้าง ได้ประโยชน์กับหลากหลายธุรกิจทั่วประะเทศ"

นายวรภัคกล่าวอีกว่า ธนาคารกรุงไทยอยู่ในฐานะที่ค่อนข้างได้เปรียบ เพราะธนาคารมีหลายโครงการของรัฐบาลอยู่กับธนาคารอยู่แล้ว จึงอาจกล่าวได้ว่ารัฐบาลเองก็เป็นลูกค้าของธนาคารอยู่ด้วย ขณะเดียวกันธนาคารเองก็มีทีมเฉพาะกิจสำหรับดีลงานกับรัฐโดยตรงอยู่ตลอด จึงเชื่อมั่นว่าโครงการนี้ธนาคารกรุงไทยจะไม่มีทางตกขบวนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะมีโครงการอะไรเกิดขึ้นก็ตาม

สิ่งที่ธนาคารกรุงไทยถนัด คือ การเข้าไปช่วยเป็นที่ปรึกษา วางแผน และจัดหาเงินทุนมาสนับสนุนให้โครงการเกิดขึ้นได้ หรือที่เรียกว่า Project Finance ซึ่งมีเครื่องมือทางการเงินหลากหลายให้สามารถเข้าไปทำได้ การให้เงินกู้อาจจะเป็นเพียงบางส่วน เช่น กรณีใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และปล่อยกู้ซัพพลายเชน แต่ถ้าตัวโครงการแต่ละโครงการคิดว่าน่าจะใช้สินทรัพย์ของธนาคารเป็นตัวค้ำประกันเพื่อออกตราสารทางการเงินมาระดมทุนโดยตรงมากกว่า

นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่นี้จะไม่กระทบต่อปริมาณสภาพคล่องในระบบ เพราะเป็นการทยอยลงทุนซึ่งใช้เวลาหลายปี และในแต่ละปีก็คงจะทยอยระดมเงินในแต่ละช่วงของปีด้วย แม้ว่าสภาพคล่องจะเป็นสิ่งที่มีอยู่จำกัด แต่หากบริหารจัดการให้ดีแล้ว ก็มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องตามปกติมากนัก