อสังหาริมทรัพย์
"สยามสแควร์" สร้างสถิติใหม่ ที่ดินราคาพุ่งตารางวาละ 2 ล้านบาท


 

ราคาที่ดินที่แพงที่สุดในกรุงเทพฯเปลี่ยนจากเยาวราช สู่สีลม เป็นสยามสแควร์  AREA คาดปี 2558 ที่ดินสยามสแควร์ราคาพุ่งตารางวาละ 2 ล้านบาท จับตาอนาคตหากรถไฟฟ้าสายใหม่เกิดขึ้น ทำเลฮอตจะเปลี่ยนไปอยู่ที่ใด

           
 
 
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด  เปิดเผยว่า ทำเลธุรกิจของไทยได้เปลี่ยนแปลงไปโดยตลอด โดยพื้นที่แรกเป็นในบริเวณพาหุรัด-สำเพ็ง  และเยาวราช ในช่วง 200 ปีแรกของกรุงเทพมหานคร  ทำเลเด่น ๆ ในยุคนั้น รวมถึงบางลำพูด้วย
           
แม้ศูนย์ธุรกิจยุคใหม่จะย้ายออกจากเยาวราชซึ่งเป็นย่านธุรกิจจีน (China Town) มาสู่สีลมในช่วงปี 2525 เป็นต้นมาก็ตาม แต่ราคาที่ดินที่แพงที่สุดยังอยู่ที่เยาวราช จนถึงปี 2548 ราคาที่ดินที่เยาวราชสูงถึงตารางวาละ 600,000 บาท ในขณะที่ที่สีลมมีราคา 500,000 บาท และสยามสแควร์ มีราคา 550,000 บาทต่อตารางวา 
 
           
 
 
สาเหตุที่ที่ดินบริเวณสีลมมีราคาแพงมากขึ้นและกลายเป็นศูนย์ธุรกิจก็คือ ระบบถนนที่ดีกว่าเยาวราช-เจริญกรุง  โดยมีถนนเกือบจะขนานกัน 4 เส้นคือ ถนนสี่พระยา ถนนสุริวงศ์ ถนนสีลม และถนนสาทรทั้งเหนือและใต้  นอกจากนั้นยังมีถนนตัดขวางกลายเป็นกลุ่มก้อนที่ดินหลายเส้น เช่น ถนนศาลาแดง ถนนคอนแวนต์ ถนนพิพัฒน์ ถนนปั้น ถนนประมวญ ถนนสุรศักดิ์ เป็นต้น  ด้วยระบบถนนเช่นนี้ จึงทำให้เกิดเป็นกลุ่มก้อน (ฺBlock) เหมาะแก่การพัฒนาในเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะกลุ่มอาคารสำนักงานยุคใหม่นั่นเอง  ด้วยเหตุนี้ ราคาที่ดินย่านสีลมจึงแพงกว่าราคาย่านเยาวราช ในปี 2552 โดยมีราคาตารางวาละ 850,000 บาท ในขณะที่บริเวณเยาวราช ราคาตารางวาละ 800,000 บาท
           
 
 
 
ส่วนสาเหตุที่บริเวณสยามสแควร์ มีราคาแพงขึ้นนั้น ปัจจัยสำคัญก็คือ การที่ย่านนี้เป็นแหล่งธุรกิจค้าปลีก มีห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก  ปกติศูนย์การค้าจะไม่รวมกันโดยเฉพาะในเขตชานเมือง และศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้  แต่ในใจกลางเมือง  การอยู่รวมกันทำให้เกิดการดึงดูดกำลังซื้อร่วมกัน นอกจากนั้นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำใหัสยามสแควร์มีราคาแพงขึ้นก็เพราะการมีระบบรถไฟฟ้า ซึ่งเริ่มมีขึ้นในปี 2541 
           
 
 
 
 
 
ราคาที่ดินที่สยามสแควร์ ในปี 2537 มีราคา 400,000 บาทต่อตารางวา ซึ่งถูกกว่าสีลมที่มีราคา 450,000 บาท และเยาวราชที่มีราคา 700,000 บาทต่อตารางวา  ราคาที่ดินที่สยามสแควร์เริ่มแซงสีลมในปี 2547 หรือเพียง 6 ปีหลังจากมีรถไฟฟ้า โดยในปีดังกล่าว ที่ดินที่สยามสแควร์มีราคา 500,000 บาทต่อตารางวา ในขณะที่ที่สีลม ราคา 480,000 บาท และที่เยาวราชราคา 580,000 บาท  
 
           
 
 
ตามข้อมูลการสำรวจรายปีของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย  พบว่า ราคาที่ดินที่สยามสแควร์ ราคาแซงหน้าราคาที่ดินที่เยาวราชในอีก 2 ปีต่อมา คือ ปี 2549  โดยมีราคาตารางวาละ 640,000 บาท ในขณะที่เยาวราชมีราคา 600,000 บาท และสีลมมีราคา 560,000 บาท  และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ราคาที่ดินที่สยามสแควร์ก็เป็นพื้นที่ที่มีราคาสูงสุดมาโดยตลอด
           
การที่ราคาที่ดินที่สีลมที่ถือเป็นศูนย์ธุรกิจใจกลางเมือง (Central Business District หรือ Financial District) มีราคาต่ำกว่าที่สยามสแควร์ ก็เพราะว่า ที่สีลมสามารถก่อสร้างอาคารเป็นสำนักงาน ซึ่งมีค่าเช่าต่อตารางเมตรเพียงไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าแถวสยามที่สามารถสร้างศูนย์การค้าที่ให้เช่าได้ตารางเมตรละ 3,000-5,000 บาท  แม้ศูนย์การค้าจะมีสัดส่วนพื้นที่เช่าต่ำกว่า และมีค่าดูแลสูงกว่า แต่ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการพัฒนาอาคารสำนักงาน  และแม้ศูนย์การค้าจะมีสัดส่วนพื้นที่เช่าต่ำกว่า และมีค่าดูแลสูงกว่า แต่ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการพัฒนาอาคารสำนักงาน  และถึงแม้ว่าจะมีการก่อสร้างศูนย์การค้าในย่านสีลมบ้าง แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย และไม่อาจดึงดูดการจับจ่ายได้เท่าแถวสยามสแควร์
           
 
 
 
สำหรับพื้นที่สยามสแควร์ที่กล่าวถึงนี้ ยังรวมไปถึงบริเวณรถไฟฟ้าชิดลมและเพลินจิต ซึ่งมีราคาที่ดินต่อตารางวาที่ 1.5 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 และคาดว่าจะเป็น 1.7 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย คาดว่า ณ สิ้นปี 2558 ราคาที่ดินใจกลางเมืองแห่งนี้น่าจะสูงขึ้นถึงตารางวาละ 2 ล้านบาท
           
ในอนาคต หากมีระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนมากขึ้น พื้นที่ใจกลางเมืองทั้ง 3 บริเวณ ก็ยังจะพัฒนาต่อเนื่องขึ้น และราคาที่ดินก็ยังจะขยายตัวสูงล้ำเกินพื้นที่อื่นขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองสะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบรถไฟฟ้า  จะสังเกตได้ว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินริมรถไฟฟ้า มีราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี  ในขณะที่ราคาที่ดินในบริเวณอื่น มีอัตราการเพิ่มขึ้นเพียง 3-5% ต่อปีเท่านั้น  
 
           
 
 
 
ประเด็นที่พึงพิจารณาก็คือในอนาคต มีโอกาสที่จะเกิดทำเลใหม่ที่ราคาที่ดินแพงกว่าสยามสแควร์หรือไม่  กรณีอาจเกิดขึ้นได้หากมีการวางแผนการพัฒนาใหม่ เช่น การเอาพื้นที่ค่ายทหารสนามเป้า ที่ด้านหนึ่งติดถนนพหลโยธินและอีกด้านหนึ่งติดถนนวิภาวดีรังสิต ขนาด 900 ไร่ มาทำศูนย์ธุรกิจยุคใหม่และแห่งใหม่ เช่นที่มีการรื้อย้ายค่ายทหารใหญ่ ๆ ออกนอกกรุงมะนิลา หรือการนำพื้นที่บางกระเจ้ามาพัฒนาเป็นศูนย์ธุรกิจใจกลางเมืองใหม่เยี่ยงเซี่ยงไฮ้ และโฮชิมินห์ซิตี้ ที่กำลังยกระดับศูนย์ธุรกิจใหม่ในทำนองนี้  แต่ปรากฏการณ์นี้คงไม่สามารถเห็นได้ในเร็ววันสำหรับประเทศไทย ที่ยังติดกับระบบราชการอยู่เป็นอันมาก

LastUpdate 14/06/2556 12:02:35 โดย : Admin
02-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 2, 2024, 4:59 am