แบงก์-นอนแบงก์
อลิอันซ์ อยุธยาฯ เปิดพอร์ตลงทุน 1.15 แสนล้าน ย้ำนโยบายปั้นกำไรจ่ายปันผลลูกค้าสม่ำเสมอ ปีละ 4% ตอบโจทย์ขายประกันชีวิตแบบปันผลรุ่ง


 
 
 
 
นายอูลฟ์ แลงจ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยถึง กลยุทธ์การบริหารพอร์ตลงทุนของบริษััทที่มีมูลค่าเงินลงทุนเกือบ 1.15 แสนล้านบาท โดยยังคงเน้นลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและมีความมั่นคงสูง มีพื้นฐานดีเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และการขายของบริษัทในปัจจุบันที่เน้นแบบประกันชีวิตแบบปันผล (Participating) มากขึ้น

สำหรับพอร์ตลงทุนมูลค่า 1.15 แสนล้านบาทนั้น ปัจจุบันถูกจัดสรรเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจประมาณ 68.2% หุ้นกู้เอกชน 21.4% ตราสารทุนและหน่วยลงทุน 4.8% (ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเงินลงทุนในหุ้น 1.6% และเงินลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 3.2%) เงินกู้กรมธรรม์ 4.8% และอื่นๆ 0.7%

"การที่เราปรับมาขายแบบประกันแบบมีปันผล เพราะเป็นโอกาสให้ลูกค้าได้ผลตอบแทนที่ดีสอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุน ซึ่งเมื่อดูจากสถิติย้อนหลังก็พบว่า เราสามารถจ่ายเงินปันผลกรมธรรม์ให้ลูกค้าได้ในระดับค่อนข้างดี เฉลี่ยประมาณ 4.1% ต่อปีมาตลอด 4-5 ปีแล้ว เนื่องจากมีสัดส่วนของเงินลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมออยู่ค่อนข้างมาก เงินปันผลกรมธรรม์จึงไม่เหวี่ยงไปมาตามสภาวะของตลาด"

นอกจากการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนคงที่เป็นจำนวนมาก ทั้งการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ที่มีสัดส่วนรวมกันสูงถึงเกือบ 90% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดนั้น บริษัทยังกระจายความเสี่ยงการลงทุนในกลุ่มนี้อีกชั้นหนึ่ง ด้วยเน้นตราสารหนี้ที่มีพื้นฐานดีซึ่งประเมินตามผู้ออกตราสาร มีทั้งรัฐบาลประมาณ 39% ธุรกิจธนาคาร 33% ธุรกิจพลังงาน 21% และอื่นๆ อีก 7%

เขากล่าวอีกว่า นโยบายการลงทุนลักษณะนี้จะตอบโจทย์กับการบริหารพอร์ตการลงทุนของธุรกิจประกันชีีวิต เพราะธรรมชาติของธุรกิจนี้ไม่ได้มุ่งเน้นที่ผลตอบแทนการลงทุนเป็นหลัก หากแต่เน้นที่การให้ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกัน และลงทุนในระยะยาวด้วยความมั่นคง ดังนั้น การตัดสินใจลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าปกติ บริษัทจะต้องวิเคราะห์อย่างรอบคอบ โดยกำหนดกรอบการลงทุนในระยะยาวก่อน จากนั้นจึงแยกย่อยการบริหารเงินระยะสั้นสำหรับแต่ละช่วงเวลาที่จะต้องการกระแสเงินสดแตกต่างกัน และสุดท้ายคือ เลือกตราสารลงทุนที่เหมาะสม โดยดูจากพื้นฐานเป็นหลัก

ทั้งนี้ สภาพตลาดการลงทุนของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง นายอูลฟ์ยอมรับว่า ขณะนี้คงยังคาดการณ์ตลาดได้ยาก เพราะมีปัจจัยภายนอกมากระทบค่อนข้างมาก ทั้งทิศทางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในฐานะคู่ค้ารายใหญ่ด้วย และกรณีการลดปริมาณ QE ของธนาคารกลางสหรัฐ ที่จะกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เคยเข้ามาลงทุนในไทยให้ไหลกลับออกไปด้วย 

อย่างไรก็ตาม เขายังประเมินว่า ปัจจัยภายนอกที่มากระทบให้ภาวะการลงทุนและสภาพคล่องในประเทศเปลี่ยนแปลงไปนั้น โดยเนื้อแท้ของเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งและพื้นฐานทางเศรษกิจไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รวมถึงอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันถือว่าเป็นระดับที่ต่ำเกินไป จึงมองว่าสถานการณ์เช่นนี้น่าจะยังส่งผลให้เศรษฐกิจไทยและภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังยังคงอยู่ในทิศทางเติบโตได้ แม้ว่าระหว่างทางตลาดอาจจะผันผวนบ้าง

ขณะที่ผลงานในไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทสามารถสร้างผลกำไรจากการลงทุนได้ถึง 1.6 พันล้านบาท ซึ่งส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทในช่วงเวลาดังกล่าวเติบโตถึง 26% แม้ว่าเบี้ยใหม่จะเติบโต 8% และเบี้ยรับรวมเติบโต 12% ก็ตาม
 
 

 


LastUpdate 26/06/2556 11:07:32 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 6:00 am