นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด กล่าวว่า “ราคาสินทรัพย์ทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยปรับลดลงค่อนข้างมาก
หลังจากที่นักลงทุนทั่วโลกกังวลว่านายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะมีการชะลอมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (QE) ในช่วงสิ้นปีนี้และอาจจะสิ้นสุดมาตรการดังกล่าวในช่วงกลางปี 2557 หากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเร็วกว่าที่หลายฝ่ายได้ประเมินในเบื้องต้น”
โดยตลอดช่วงที่ผ่านมาดัชนี SET ได้ปรับลดลงจากระดับสูงสุดในวันที่ 23 พ.ค. 56 โดยมากกว่าประมาณ 20% จากนักลงทุนต่างชาติที่เทขายสุทธิกว่า 60,000 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ อย่างเช่นทองคำ ปรับลดลง 5.49% เช่นกัน
ซึ่งทั้งนี้ บลจ.วรรณ มองว่าในช่วงนี้จนถึงเดือนกรกฎาคมมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นตลาดปรับลดลงต่อเนื่องมาทดสอบที่ระดับ 1,350 จุด ซึ่ง บลจ.วรรณมองว่าเป็นจุดที่น่าสนใจในการสะสม LTF/RMF เนื่องจากเป็นช่วงที่มูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับการเติบโตที่ได้คาดการณ์ไว้ (โดยคาดว่าดัชนีฯ น่าจะมีโอกาสแตะที่ระดับ 1,350 จุด หาก P/E Ration ในปีนี้อยู่ที่ 12.5%) นอกจากนี้เรายังคาดว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2556 ที่กำลังทยอยออกมาน่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) และโอกาสการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งเป็นจุดสนใจให้แก่นักลงทุนในการกลับเข้ามาซื้อหุ้นได้หลังเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ บลจ.วรรณมองว่าหากผลประกอบการของไตรมาส 2/2556 ออกมาดีตามที่เราได้คาดการณ์ไว้ ตลาดก็จะมีโอกาส Rebound มาที่ 1,500 จุดในช่วงสั้นๆ ได้
และจากสภาวการณ์ดังกล่าว บลจ.วรรณ แนะนำนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงกับตลาดหุ้นที่ยังแกว่งตัวสูงให้ไปพักเงินไว้ในกองทุนตลาดเงิน (Money market) เช่น 1AM-TG ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นหรือตราสารแห่งหนี้ที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนเมื่อตลาดหุ้นไทยเริ่มชะลอความผันผวนลงบ้าง
นอกจากนี้นักลงทุนสามารถเริ่มทยอยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF) เพื่อสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี โดยบลจ.วรรณแนะนำ 1SG-LTF และ V-RMF โดยผลตอบแทนตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน (YTD Return) อยู่ที่ 22.77% และ 19.66% (ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2556) ในขณะที่ผลตอบแทนจากดัชนี SET Index อยู่ที่ 12.22% นายวินกล่าว
ข่าวเด่น