แฟนๆ ของซูเปอร์แมนได้เฮอีกครั้ งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง "Man Of Steel" ซึ่งเป็นเรื่องราวการถือกำเนิดของซูเปอร์แมนได้ลงโรงฉายให้ผู้ชมได้ชม โดย "เฮนรี คาวิลล์" ซึ่งรับบทซูเปอร์แมน รวมทั้ง "คลาร์ก เคนท์" (ซูเปอร์แมนตอนเป็นคนธรรมดา) ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทที่เขาได้รับในเรื่องนี้ไว้เล็กน้อย
-คุณรับบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เพราะฉะนั้นคุณต้องไม่ต่อสู้ด้วยวิธีธรรมดา มีการใช้รูปแบบศิลปะการต่อสู้มาผสมกับบางสิ่งที่แตกต่างออกไป อยากให้คุณช่วยพูดเรื่องนั้นสักเล็กน้อย
ผมขอพูดถึงเรื่องฉากที่สนุกที่สุดสำหรับผมก็แล้วกัน นั่นคือ ฉากบิน เพราะผมต้องอยู่เหนือพื้น 40 ฟุต และอยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่น ฉากบินเราต้องซ้อมกันอยู่หลายครั้ง ในการบินแบบความเร็วสูงส่วนใหญ่จะใช้แผ่นรองใต้ท้อง เป็นเหมือนแม่พิมพ์ร่างกายส่วนหน้าให้ผมนอนข้างในนั้น แล้วจะมีแกนหมุนพิเศษที่สร้างขึ้นมา เพราะฉะนั้นคุณจะได้ภาพผู้ชายในชุดสีเขียวและฉากเขียวที่เคลื่อนไหวตามการกำกับของแซ็ค ผมแค่ต้องจินตนาการว่ากำลังบินอยู่ นอกจากนี้ยังมีการใช้ลวดสลิง ซึ่งเราทำในกระบวนการสตั๊นท์ทั้งหมด ซับซ้อนมาก แต่ทีมงานก็ทดสอบกันอย่างดี
-เราใช้คำว่า “คนต้นแบบ” กันอย่างแพร่หลายในทุกวันนี้ แต่แน่นอนว่านี่คือตัวละครที่เป็นต้นแบบจริงๆ คุณรู้สึกว่าต้องแบกความรับผิดชอบในการรับบทซูเปอร์แมนหรือไม่ และคุณหาทางเปลี่ยนตัวเองให้เป็นตัวละครต้นแบบนี้ได้อย่างไร
ผมไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องของการเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นตัวละครต้นแบบ ในการรับบทเป็นตัวละครแบบนี้คุณต้องไม่พยายามที่จะเป็นต้นแบบจนเกินไป แต่ผมว่าความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับบทนี้ใหญ่หลวงมาก และการได้ตระหนักว่าสำคัญมากเพียงใดท ำให้ผมอยากทุ่มเททำงานให้เต็มที่ เพื่อนำเสนอตัวละครนี้อย่างเหมาะสม ซึ่งช่วยได้มากเวลาผมฟิตร่างกายอยู่ในโรงยิม ถ้าผมรู้สึกว่าทำต่อไม่ไหวแล้วหรือยกน้ำหนักไม่ขึ้นแล้ว ผมจะคิดว่าเราต้องดูเหมือนซูเปอร์แมน มีคนมากมายรอให้เราเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เพราะฉะนั้นจะช่วยให้ผมเล่นต่อได้อีก 2-3 ชุด เพื่อเป็นตัวละครตัวนี้ให้ได้
-คลาร์กใช้เวลาทั้งชีวิตหลีกเลี่ยงการต่อสู้ แล้วจู่ๆ เขาก็มาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลือกไม่ได้ คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้นในหัวของเขาตอนนั้น เขาก้าวผ่านมันไปได้อย่างไร
เขาก้าวผ่านมันไปได้หลังได้รับคำแนะนำอันชาญฉลาดจากจอร์-เอล (พ่อของซูเปอร์แมน) ตรงจุดนั้นเองที่เขาต้องทดสอบตัวเอง และเขาก็ทำได้
-เราไม่เคยเห็น คลาร์ก เคนท์ มีปมขัดแย้งเรื่องที่ว่าเขาเป็นใคร
เวลาคุณเห็นคลาร์กเดินทางรอบโลกพยายามค้นหาว่าเขาเป็นใครและเพราะอะไร ผมไม่ได้กลับไปอ้างอิงผลงานต้นฉบับ ผมแค่นึกถึงและนำชีวิตของตัวเองมาใช้ การเป็นนักแสดงเป็นประสบการณ์ที่โดดเดี่ยว นอกจากคุณมีใครซักคนร่วมเดินทางไปด้วยตลอดเวลา คุณใช้เวลามากมายอยู่กับตัวเองและพบผู้คนใหม่ๆ สร้างครอบครัวชั่วคราวขึ้นมา คุณรักพวกเขา แต่อาจไม่ได้พบพวกเขาอีกนอกจากงานแถลงข่าวสื่อ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แปลกออกไป คุณนำสิ่งเหล่านี้มาใช้กับตัวละคร และสิ่งที่ตรงกับประสบการณ์ของซูเปอร์แมน คือ การพบคนกลุ่มใหม่ๆ อยู่เสมอ แล้วก็ต้องหายตัวไป แล้วก็ต้องแนะนำตัวเองกับคนกลุ่มใหม่ๆ และพิสูจน์กับคนเหล่านั้นว่าตัวเองเป็นคนดีและพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง แล้วจากนั้นเขาก็ต้องหายตัวไปอีก ความโดดเดี่ยวแบบนี้ล่ะที่ผมนำไปใช้
-คุณได้รับอิทธิพลจากนักแสดงคนอื่นๆ ที่เล่นบทนี้มาก่อนหรือไม่ และคุณอยากแสดงให้แตกต่างออกไปอย่างไรบ้าง
ผมไม่ได้รับอิทธิพลอะไรจากซูเปอร์แมนคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ในแง่การเป็นนักแสดง วิธีการที่ผมใช้และแนวทางที่ผมมอง คือ นักแสดงทุกคนที่เล่นมาก่อนหน้าตีความจากต้นฉบับ ซึ่งคือหนังสือการ์ตูน และผมต้องการการตีความตามแบบของผมเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะถือตัวว่าเป็นคนสำคัญอะไรหรอกนะ แต่เป็นความรู้สึกว่าการแสดงอาจไม่ต่อเนื่องถ้าผมใช้บุคลิกของคนอื่น และให้อิทธิพลจากคนอื่นมาส่งผลต่อการตีความตัวละคร ฉะนั้นผมจึงตรงไปยังหนังสือการ์ตูน ผมดูหนังที่เคยทำมาก่อนหน้านี้เหมือนกัน แต่ผมไม่ได้นำการแสดงเหล่านั้นมาใช้กับตัวเอง
-คุณช่วยไขความกระจ่างเรื่องที่คนเถียงกันในอินเทอร์เน็ตว่าซูเปอร์แมนโกนหนวดอย่างไรได้หรือไม่ คุณเห็นคลิปนั้นหรือยัง
เห็นแล้วครับ ผมว่าบางอย่างปล่อยให้เป็นความลับไปจะดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นจะให้คนทำอะไรกันล่ะถ้าไม่พูดเรื่องลึกลับพวกนี้
-มีประโยคที่ จอร์-เอล พูดในหนังว่า “คุณต้องให้ความหวังพวกเขา” ฮาร์วีย์ มิลค์ (ผู้เสนอกฎหมายและเรียกร้องสิทธิของกลุ่มรักร่วมเพศ) เคยพูดไว้เช่นกันว่า “คุณต้องให้ความหวังพวกเขา” และผมรู้สึกว่าตัวละครอย่างซูเปอร์แมนเป็นการสื่อสารถึงคนนอก ถึงเด็กที่ไม่เข้ากับสังคม หรือคนที่ถูกแยกออกไปไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม และผมชอบการเชื่อมโยงในส่วนนี้มาก
ใช่แล้ว แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะต้องสื่อสารถึงคนนอกเท่านั้นนะ เขาพูดกับทุกคน หรือแนวคิดนี้พูดกับทุกคนก็ว่าได้ เราทุกคนต้องการความหวัง ไม่ว่าเราจะอยู่ในศตวรรษไหน ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงไหนของชีวิต ไม่ว่าเรากำลังเผชิญกับเรื่องเลวร้ายอยู่หรือไม่ เราต้องการแค่ความหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อยดี และถ้ามีเรื่องเลวร้ายหรือเรื่องหายนะเกิดขึ้น เราก็ต้องการความหวังว่าเราจะฝ่าฟันไปได้ ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้สื่อสารเฉพาะคนที่อยู่ตามลำพังเท่านั้น แต่เป็นการพูดกับทุกคน
ข่าวเด่น