แบงก์-นอนแบงก์
ไทยพาณิชย์ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 12,600 ลบ.เพิ่ม 28.5% จากปีก่อน


 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  ประกาศกำไรสุทธิไตรมาสที่  2/2556 จำนวน 12,600 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 28.5% ซึ่งเป็นผลประกอบการที่อยู่ในระดับสูง  เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,800 ล้านบาท   โดยรายได้รวม เติบโตอย่างมากเป็น  29,800 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 18.8%


จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนกำไรสุทธิที่ดีมาจากการขยายตัวของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 18.1%  และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น  20.0%  ขณะที่คุณภาพของสินเชื่อ  อยู่ในระดับดี   โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL)  ยังคงที่ในระดับ 2.1%  

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก  ธนาคารมีกำไรสุทธิรวม 25,800 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 29.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  กำไรที่เติบโตสูงนี้  มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 19.8% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ที่เพิ่มขึ้น 20.8%

ดร. วิชิต  สุรพงษ์ชัย  ประธานกรรมการบริหาร กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2556 ว่า “รายได้รวม  และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธนาคาร แสดงให้เห็นถึงผลประกอบการที่เติบโตอย่างยั่งยืน และรูปแบบการดำเนินงานของธนาคารที่แข่งขันได้ดี  ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจที่ธนาคารได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เพิ่มขึ้น 18.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งเป็นผลจากสินเชื่อขยายตัว  16.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  การขยายตัวไปในกลุ่มสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น  รวมทั้งการเติบโตของการลงทุน   นอกจากสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจแล้ว   ธนาคารยังมีการเติบโตสูงกว่าตลาดโดยรวมอีกด้วย   ซึ่งเกิดจากกลยุทธ์ในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ(SME)  สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรถยนต์  รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 20 % จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมาจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่เติบโต 18%  รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการที่เพิ่มขึ้น 12.6%  และรายได้จากธุรกรรมเพื่อการค้าและการปริวรรตเงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง  67.6%  การเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย  สอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจของธนาคารที่มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย  มากกว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิ

คุณภาพสินเชื่อ  ยังคงอยู่ในระดับที่ดี  โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ทรงตัวในระดับต่ำที่  2.1% เช่นเดียวกับไตรมาสที่แล้ว    อย่างไรก็ตาม  ด้วยการดำเนินการด้วยความระมัดระวัง  เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต  ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 2 เพิ่มจาก 2,550 ล้านบาท  เป็น 2,700 ล้านบาท  นอกจากนี้  อัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารก็สูงถึง  144.9%   ซึ่งเป็นระดับที่ถือว่าสูงในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจ  

นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “เหตุผลหลักที่ทำให้ธนาคารสามารถรักษาผลประกอบการในระดับสูงกว่าของตลาดการเงินไทยโดยรวมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา   เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจ ศักยภาพ และความทุ่มเทของพนักงานเพื่อส่งมอบบริการที่ดีสุดให้แก่ลูกค้า  ด้วยแรงขับเคลื่อนนี้   ส่งผลให้ธนาคารมอบผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราที่สูงกว่าตลาด และพร้อมจะที่เผชิญความท้าทายในอนาคต  แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในอนาคตยังมีความไม่แน่นอน   ดิฉันเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถเติบโตสูงต่อไปในอนาคต  และยังคงเป็นธนาคารที่ทุกคนเลือก”

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ก.ค. 2556 เวลา : 18:37:22
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 7:10 am