นับว่าเป็นละครที่สร้างกระแสให้กับสังคมได้ไม่น้อยทีเดียวสำหรับ “Hormones วัยว้าวุ่น” ละครที่ออกอากาศทางช่อง GMM One ที่รับชมได้ทางดาวเทียมและเคเบิลทีวี. ซึ่งดีกรีความฮิตของละครเรื่องนี้ไม่แพ้ละครฮิตที่ออกอากาศทางฟรีทีวี. โดยมียอดคนดูล้นหลามไม่ว่าจะดูผ่านโทรทัศน์หรือผ่านยูทูบ ซึ่งยอดผู้ชมในยูทูบแต่ละตอนนั้นราว 4-5 ล้านครั้งเลยทีเดียว ถ้าถามว่าอะไรทำให้ละครเรื่องนี้ฮิตขนาดนั้นทั้งที่ไม่ได้ออกอากาศทางฟรีทีวี. คำตอบคงเป็นเพราะ เนื้อหาที่สนุก โดนใจ ตรงไปตรงมา แต่ให้แง่คิด และแน่นอนว่าแปลกใหม่ เพราะไม่เคยมีละครไทยเรื่องไหนที่นำเสนอด้วยวิธีการนี้มาก่อน
Hormones วัยว้าวุ่น นำเสนอเรื่องราวของวัยรุ่นที่มีประเด็นต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรักในวัยเรียน รักเพศเดียวกัน ความรุนแรงและการใช้กำลัง เซ็กซ์ในวัยรุ่น เหล้าและยาเสพติด ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ฯลฯ โดยผู้กำกับละครอย่าง “ย้ง” ทรงยศ สุขมากอนันต์ เลือกที่จะนำชื่อฮอร์โมนชนิดต่างๆ มาใช้เพื่อสะท้อนบุคลิกของตัวละครแต่ละคน และนำเสนอเรื่องราวของตัวละครแต่ละคน
จุดเด่นของ Hormones วัยว้าวุ่น นอกจากความสนุกแล้ว ละครเรื่องนี้ยังมีประเด็นที่เสนอให้ขบคิดหลายอย่าง ที่สำคัญคือสิ่งที่ผู้ใหญ่ชอบคิดว่าวัยรุ่นไม่มีเหตุผล จริงๆแล้วมีที่มาที่ไป และที่มาที่ไปหลายครั้งมักมาจากผู้ใหญ่ และที่สำคัญละครเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของผลแห่งการกระทำให้คนดูได้เห็นเป็นบทเรียน เป็นการเตือนสติไปในตัว
ด้วยความตรงไปตรงมาของเนื้อหา (หรือบางคนอาจจะเรียกว่าแรง) ทำให้ล่าสุด พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ด้านกำกับผังและเนื้อหารายการ เรียกบริษัทผู้สร้างละครเรื่องนี้มาพบ เพื่อหารือร่วมกันในด้านของกระบวนการคิด การนำเสนอเนื้อหาของละคร ไปจนถึงกระบวนการคัดเลือกของช่องในการเลือกนำละครมาออกอากาศ เพราะคิดว่า Hormones วัยว้าวุ่น นำเสนอเนื้อหาที่ชวนให้ผู้รับชมคิดและจินตนาการในทางที่ไม่ดีได้ ถึงแม้จะไม่มีภาพแสดงให้เห็น
ทันทีที่ข่าวนี้ออกมาทำให้มีเสียงวิพากษ์ว่า "กสทช. จะแบนละครเรื่องนี้หรือไม่" แม้ พล.ท.พีระพงษ์จะยืนยันว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของคณะอนุกรรมการเท่านั้น ยังไม่ได้พิจารณาความผิดแต่อย่างใด ซึ่งท้ายสุดอาจเพียงแค่ตักเตือน และขอความร่วมมือในการปรับแก้เนื้อหาบางส่วนเท่านั้น แต่ดูเหมือนเสียงติติงจะมีเข้ามาหนาหูโดยเฉพาะโลกออนไลน์ รวมทั้งคนดังอย่าง "นิติพงษ์ ห่อนาค" ผู้บริหารค่ายสหภาพดนตรี ซึ่งเขียนข้อความในเฟซบุ๊คว่า
“เรื่อง กสทช. จะแบน (หรือไม่) กับเรื่องฮอร์โมนนั่นก็ดูใจแคบ.ถ้าดูเจตนาคนทำจะเห็นว่าเขาพยายามสื่อสารกับผู้ใหญ่ว่าวัยรุ่นมีปัญหาเรื่องนี้นะ ผู้ใหญ่ควรสอดส่องตามสมควร เขาพยายามสื่อสารกับเด็กว่าเห็นไหมการขาดสติ ไม่ระวังตัวตนทำให้ต้องไปเจอห้องทำแท้ง ซึ่งดูแล้วเขาทำให้เห็นความน่าสะพรึงกลัวจนน่าขนลุก.ฉันไม่ชอบคำว่า “เดี๋ยวเด็กดูแล้วจะเอาไปเป็นตัวอย่าง”.ฉันว่าเป็นสิ่งที่ดูถูกเด็กมากเลย.เด็กวัยรุ่นโซ้ยกันมาเป็นหมื่นเป็นแสนคนแล้วโดยที่ไม่ต้องดูซีรี่ส์เรื่องนี้.ซีรี่ส์ฮอร์โมนนี้เป็นกระจกมากกว่าจะเป็นตัวชี้นำให้เด็กทำตามจับประเด็นกันบ้างเถิดหนา”
โดยตอนนี้ Hormones วัยว้าวุ่น ออกอากาศมาถึงตอนที่ 9 จากทั้งสิ้น 13 ตอน (ไม่รวมตอนพิเศษที่ไม่ใช่เนื้อหาของละครอีก 2 ตอน) งานนี้คงต้องติดตามดูว่าท้ายที่สุดแล้ว กสทช. จะมีมาตรการกับละครเรื่องนี้อย่างไร (ซึ่งเชื่อว่าคงไม่ถึงขั้นแบน) แต่ถ้าคิดว่า Hormones วัยว้าวุ่น เป็นละครที่เกรงว่าจะกระทบต่อศีลธรรมอันดีแล้ว คงจะต้องให้ลองหันไปมองถึงละครหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะประเภทที่พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วสุดท้ายคู่กันโดยแทบจะไม่มีบทเรียนให้เห็นว่าการกระทำนั้นเลวร้ายแค่ไหน หรือละครที่ตบตีแย่งผัวเมียกัน ละครเหล่านั้นน่าเป็นห่วงเสียกว่า
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการถูก กสทช.เรียกแล้ว ยังมีกรณีของภาพหลุดของ “ปันปัน” สุทัตตา อุดมศิลป์ นักแสดงสาว ในเรื่องนี้ เสพยาไอซ์ ซึ่งคุณพ่อ ของปันปันได้ออกมายอมรับว่าลูกเสพยาจริง แต่เป็นเพียงครั้งเดียว และเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งก็ต้องขอโทษและพักงานปันปันในด้านการแสดงชั่วคราว ส่วนจะนานแค่ไหนจะพิจารณาในเรื่องเวลาที่เหมาะสมต่อไป
ซึ่งกรณี "ปันปัน" นั้น นับว่า น่าเสียดาย ซึ่งอนาคตในวงการบันเทิงของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป อยู่ที่สังคมจะให้โอกาสเขาต่อไปหรือไม่ และเชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ คงจะเป็นบทเรียนสำหรับตัว "ปันปัน" เป็นอย่างดี
.jpg)
.jpg)
ข่าวเด่น