เหตุท่อรับน้ำมันดิบ ขนาด 16 นิ้ว รั่ว ที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบที่อยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออก เฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะกำลังส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของ ของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ทำให้มีน้ำมันรั่ว 5 หมื่นลิตร และมีคราบน้ำมันบางส่วนไหลเข้าบริเวณชายฝั่งอ่าวพร้าว บนเกาะเสม็ดตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนนำไปสู่การสั่งปิดอ่าวพร้าว จนกว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้แล้วเสร็จ ได้สร้างความเสียหายต่อประชาชน นักธุรกิจ และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวในภาคตะวันออก เพราะต้องยอมรับว่า เกาะเสม็ดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดระยอง ซึ่ง นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไปประสานงานกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และที่พัก ที่ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่อาจจะยกเลิก และลดลงในช่วงเกิดคราบน้ำมัน อย่างใกล้ชิด ด้วยการชี้แจงและแนะนำให้เปลี่ยนสถานที่ท่องเที่ยวไปที่อื่นก่อน
ซึ่งยอมรับว่า มีความกังวลกับภาพลักษณ์ต่อการท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะฟื้นตัวช้า เนื่องจากต้องใช้เวลาในการกำจัดคราบน้ำมัน ทำให้กระทบกับนักท่องเที่ยวที่จองห้องพักไว้
ด้าน นายชูชาติ อ่อนเจริญ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง บอกว่า ททท. อยู่ระหว่างการประเมินความเสียหาย โดยเบื้องต้นคาดว่า ความเสียหายด้านท่องเที่ยวไม่ถึง 100 ล้านบาท เนื่องจากอ่าวพร้าว มีโรงแรม รีสอร์ท เพียง 3 แห่ง แต่หากรัฐบาลไม่สามารถขจัดคราบน้ำมัน ได้ภายใน7 วัน ก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว
ขณะที่ นางสาวปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวจังหวัดระยอง โดยเฉพาะในเกาะเสม็ดได้รับผลกระทบบ้าง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนได้ยกเลิกทัวร์ ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเร่งชี้แจงข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งหามาตรการในการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น เนื่องจาก ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุในลักษณะนี้แล้วมากถึง 9-10 ครั้ง จึงเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องทบทวน
ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวที่เกาะเสม็ด คิดเป็น 40% ของมูลค่าการท่องเที่ยวทั้งหมดของจังหวัดระยอง ที่มีมูลค่าปีละ 1 หมื่น 6 พันล้านบาท
ข่าวเด่น