แบงก์-นอนแบงก์
เปิดใจซีอีโอใหม่ "เอไอเอ ประเทศไทย" ย้ำภาพผู้นำตลาดประกันชีวิตไทย เดินเกมยาวรักษามาร์เก็ตแชร์ ปิดช่องว่าง "ความคุ้มครอง" ให้คนไทย


 

หลังจากเข้ามารับตำแหน่ง ซีอีโอ ของเอไอเอ ประเทศไทย อย่างเป็นทางการร่วม 2 เดือนแล้ว แต่ล่าสุด "ซาลูน แธม" เพิ่งได้มีโอกาสแถลงเปิดตัวถึงนโยบาย กลยุทธ์ ตลอดจนมุมมองต่อการขับเคลื่อนธุรกิจประกันชีวิตเบอร์ 1 แห่งนี้ในยุคที่เขาเป็นแม่ทัพในครั้งนี้เอง

แม้จะเข้ามาในยุคที่การแข่งขันของตลาดประกันชีวิตหนักหน่วงมาก บริษัทคู่แข่งกำลังเร่งเติบโตและบีบระยะห่างระหว่างมาร์เก็ตแชร์ให้แคบลงเรื่อยๆ นั้น ในมุมมองของเขาเห็นว่า ตัวเลขมาร์เก็ตแชร์ตอนนี้ ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงในระยะยาวเท่าใดนัก เพราะหลายบริษัทเติบโตขึ้นจากการขายสินค้าระยะสั้นที่สร้างเบี้ยได้เร็วเป็นหลัก แต่ไม่ได้ตอบโจทย์การเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว

ในมุมของเอไอเอ จะยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เรื่องสินค้าคุ้มครองเป็นหลัก เพราะมองเห็นว่าตลาดประเทศไทยยังมี "ช่องว่างของความคุ้มครอง" (Protection Gap) อยู่ หมายถึงส่วนใหญ่ยังมีความคุ้มครองชีวิตอยู่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น หรือสถานะที่ควรจะมี จึงยังเป็นโอกาสอีกจำนวนมาก ขณะเดียวกันสัดส่วนการมีประกันชีวิตของคนไทยก็ยังต่ำเพียงกว่า 30% ยังเหลือตลาดอีกมหาศาลกว่า 60% ของประชากรที่ยังไม่มีประกันชีวิต

"เรามองว่าตรงนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญของธุรกิจประกันชีวิต และจะทำให้เราเป็นผู้นำตลาดในระยะยาว ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยแล้วทุก 2 กรมธรรม์ที่ถูกขายออกไปจะต้องเป็นกรมธรรม์ของเอไอเอ อยู่ 1 ฉบับ ทำให้ล่าสุดเรามีฐานลูกค้ารวมมากถึง 10 ล้านรายแล้ว ถ้ามองในมุมนี้ เราเชื่อมั่นว่าเรายังมีมาร์เก็ตแชร์ที่ทิ้งห่างคู่่แข่งไปไกล และหลังจากนี้ก็จะเห็นว่ามาร์เก็ตแชร์เราจะค่อยๆ ขยับขึ้นมามากขึ้นต่อไป"

นอกจากการแข่งขันที่ดุเดือดกันในตลาดประกันชีวิตไทยกันเองแล้ว ทุกวันนี้ยังมีกลุ่มทุนในธุรกิจประกันชีวิตจากต่างประเทศเข้ามารุกตลาดไทยมากขึ้น ความเห็นของซาลูนซึ่งมีประสบการณ์ทำงานในบริษัทประกันชีวิตข้ามชาติหลายแห่งที่ประจำในพื้นที่ตลาดเอเชียแปซิฟิก ยอมรับว่า เอไอเอ มีจุดแข็งที่ประสบการณ์และความเข้าใจในตลาดประกันชีวิตเอเชียเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก และมีธุรกิจประกันชีวิตอยู่ถึง 17 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นความแตกต่างที่จะทำให้บริษัทมีความสามารถแข่งขันที่สู้กับคู่แข่งได้

เขายกตัวอย่างถึง ในตลาดอาเซียน 10 ประเทศที่กำลังจะเปิดสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีนั้น เอไอเอ ก็มีธุรกิจอยู่ถึง 7 ประเทศแล้ว ถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตที่มีความพร้อมมาก ซึ่งรวมถึงตลาดในประเทศไทยที่เอไอเอ อยู่มาถึง 76 ปี ก็มีรากฐานที่แข็งแกร่งและฐานลูกค้าจำนวนมาก เข้าใจตลาดได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าในระยะยาวแล้วจะยังสามารถแข่งขันในตลาดนี้ได้ไม่แพ้คู่แข่งแน่นอน

"การรับหน้าที่เข้ามาบริหารเอไอเอ ประเทศไทยก็ถือว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทาย บริษัทนี้ถือว่ามีส่วนสำคัญต่อเอไอเอกรุ๊ป เนื่องจากสร้างยอดขายมากเป็นอันดับ 2 รองจากเอไอเอ ฮ่องกง เท่านั้น ซึ่งเราก็คาดหวังว่าจะพาบริษัทขยับแซงหน้าขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ในกรุ๊ปได้เช่นกัน ซึ่งอาจะต้องใช้เวลาพอสมควร อาจจะ 2-3 ปี ก็น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งเรามีพื้นฐานธุรกิจในไทยแข็งแกร่งอยู่แล้ว ก็ต้องพยายามนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า เน้นการปรับเปลี่ยนพัฒนาเพิ่มเติมต่อยอดจากเดิมเป็นหลัก" นายซาลูนกล่าว

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ส.ค. 2556 เวลา : 11:43:21
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 5:17 pm