ไนท์แฟรงค์ ฟันธงตลาดคอนโดมิเนียมพัทยาแนวโน้มรุ่ง ผู้ประกอบการทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น แห่เปิดโครงการใหม่ 20 โครงการ ยึดวิวทะเลผุดคอนโดมิเนียมทั้งไฮไรส์และโลว์ไรส์ ทำเลยอดฮิตพัทยาเหนือ วงศ์อมาตย์ จอมเทียน และพระตำหนัก ราคาพุ่งตารางเมตรละกว่า 135,000 บาท
นางสาว ริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมพัทยายังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องตลอดในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มีจำนวนยูนิตใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 10,153 ยูนิต ทำให้มีจำนวนยูนิตรวมเป็น 40,939 ณ ครึ่งปีแรกของปีนี้ โดยอัตราการซื้อเพิ่มขึ้นในทุกทำเลเป็น 51.7% จากเดิม 50.3% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา
ราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์มีราคาสูงกว่าคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์มาก เนื่องจากคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์จะถูกบวกค่าวิวทะเลเพิ่มเข้ามา คอนโดมิเนียมในย่านพระตำหนักมีราคาขายเฉลี่ยสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้อยู่ที่ราว 96,286 บาทต่อตารางเมตร สำหรับในพื้นที่อื่นๆนั้นโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่เป็นอาคารโลว์ไรส์ในย่านจอมเทียนจะมีราคาสูงสุด เนื่องจากมีสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ธีมรีสอร์ทขนาดใหญ่
พัทยาเป็นทำเลริมทะเลที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากทำเลหนึ่ง เพราะการเดินทางสะดวกไปยังจุดหมายต่างๆในทวีปเอเชีย การส่งเสริมการลงทุนในระบบโครงสร้างของภาครัฐ การยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจำนวน 5 ล้านรายต่อปี ตลอดจนระบบรถไฟความเร็วสูงที่วางแผนจะสร้างเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯและพัทยา ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้บริโภคมาสู่พัทยาได้สะดวกขึ้น ปัจจุบันพัทยาเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจระดับนานาชาติสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้น สามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศได้ และมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผลวิจัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ ระบุว่า ตลาดคอนโดมิเนียมพัทยามีจำนวนประมาณ 40,939 ยูนิต ณ ช่วงกลางปีนี้ ในจำนวนนี้รวมห้องคอนโดมิเนียมใหม่ประมาณ 10,153 ยูนิต จากโครงการคอนโดมิเนียม 20 แห่งที่เปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 32.9% จากสิ้นปีที่ผ่านมา ในปีนี้มีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพัทยาหลายราย ได้แก่ เอสซีแอสเซ็ท แสนสิริ ศุภาลัย ควอลิตี้เฮ้าส์ และ เอ็นซีเฮ้าซิ่ง
สำหรับเอ็นซีเฮ้าซิ่ง ศุภาลัยและแสนสิรินั้น มีโครงการอยู่ในย่านพัทยาเหนือ ส่วนควอลิตี้เฮ้าส์และเอสซีแอสเซ็ท เลือกพัฒนาโครงการในย่านพัทยาใต้ โครงการใหม่ทั้งหมดนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากชายหาด ทั้งนี้ โครงการ 4 จาก 5 รายเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ มีเฉพาะเอ็นซีเฮ้าซิ่งเท่านั้นที่เลือกพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์
คอนโดมิเนียมใหม่ส่วนมากที่เข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้กระจุกตัวกันอยู่ในย่านจอมเทียนหรือคิดเป็นประมาณ 42% ของทั้งหมด โครงการคอนโดมิเนียมที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ โครงการเซเว่นซีส์คอนโดรีสอร์ท จอมเทียน ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 15 ไร่ ในซอยชัยพฤกษ์ ห่างจากหาด 350 เมตร ประกอบด้วย อาคารแบบโลว์ไรส์จำนวน 8 อาคาร สูง 8 ชั้น มีจำนวนรวม 1,450 ยูนิต
ย่านที่เป็นที่นิยมอันดับสอง คื อพัทยาเหนือ/วงศ์อมาตย์ มีจำนวนยูนิตคอนโดมิเนียมใหม่ประมาณ 3,114 ยูนิต หรือประมาณ 30% ของจำนวนห้องใหม่ทั้งหมด โดยชาวไทยชอบย่านพัทยาเหนือ/วงศ์อมาตย์ เนื่องจากเป็นบริเวณที่เงียบสงบ ทั้งยังเป็นโซนใหม่ของการพัฒนาโครงการโดยผู้ประกอบการในท้องถิ่นและผู้ประกอบการจากกรุงเทพฯอีกด้วย โครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้ คือ โครงการศุภาลัยมาเรแอ็ทพัทยา เป็นอาคารสูง 35 ชั้น มีจำนวนทั้งหมด 1,154 ยูนิต
จำนวนยูนิตใหม่ในบริเวณพัทยาใต้อยู่ที่ 1,800 ยูนิต หรือ 18% ของจำนวนยูนิตใหม่ทั้งหมด พัทยาใต้ถือว่าเป็นย่านที่วุ่นวาย เนื่องจากมีห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ตลอดจนร้านอาหารและสถานบันเทิงต่างๆ ทำเลนี้จึงไม่น่าสนใจสำหรับการสร้างโครงการที่พักอาศัยเท่าย่านอื่นๆ ส่วนจำนวนยูนิตใหม่ในย่านพระตำหนักนั้นมีเพียง 992 ยูนิตหรือคิดเป็น 10% ของทั้งหมดเท่านั้น
ด้านอุปสงค์คอนโดมิเนียมในพัทยา ณ ครึ่งปีแรกของปีนี้ อยู่ที่ 21,614 ยูนิตหรือคิดเป็น 51.7% เพิ่มขึ้นจาก 50.3% ณ สิ้นปีที่ผ่านมา จำนวนยูนิตที่ขายได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ คือ 5,682 ยูนิต ความต้องการสูงสุดอยู่ในกลุ่มคอนโดมิเนียมระดับราคา 1-2 ล้านบาทสำหรับห้องขนาดเล็กขนาด 25-30 ตารางเมตร ผู้ซื้อคือชาวไทยที่ทำงานในย่านอีสเทิร์นซีบอร์ด คนกรุงเทพฯที่ต้องการบ้านหลังที่สองเป็นที่ตากอากาศและชาวรัสเซียที่ต้องการหลบความหนาวในประเทศตัวเอง
ราคาขายคอนโดมิเนียมในพัทยาจะแตกต่างกันไปตามทำเลและวิว คอนโดมิเนียมที่มีราคาขายสูงสุดอยู่ในย่านพัทยาเหนือ ส่วนใหญจะตั้งอยู่ใกล้กับชายหาด มีวิวทะเล และขายราคาสูงกว่า 130,000 บาทต่อตารางเมตร โครงการอื่นๆในย่านพัทยาเหนือซึ่งไม่มีวิวทะเลมีราคาขายอยู่ในระดับ 55,108 - 71,250 บาทต่อตารางเมตร
โครงการที่มีวิวทะเลส่วนมากที่เปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ จะอยู่ในย่านจอมเทียนและพระตำหนัก ราคาขายวิวทะเลย่านจอมเทียนอยู่ที่ราคา 91,372 - 140,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับคอนโดมิเนียมย่านพระตำหนักมีราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 77,610 บาทต่อตารางเมตรในปีที่ผ่านมา เป็น 89,010 บาทต่อตารางเมตรในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
นางสาวริษิณี คาดว่า พัทยามีแนวโน้มดีสำหรับการพัฒนาคอนโดมิเนียม โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะมีจำนวนยูนิตคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาดอีก 1,890 ยูนิต ซึ่งจอมเทียนและนาจอมเทียนจะเป็นทำเลสำคัญที่จะมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ปัจจัยเสริมที่ช่วยให้ย่านนี้ได้เปรียบย่านอื่นๆในพัทยา ได้แก่ ถนนสายใหม่ที่ตัดขนานกับถนนเลียบหาดจอมเทียน ห่างออกไป 400 เมตร และสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ อาทิ ตลาดจอมเทียน สวนน้ำรามายณะที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สวนน้ำการ์ตูนเน็ตเวิร์คอะเมโซนซึ่งจะเปิดให้บริการหลังจากนี้ในปีนี้ และศูนย์การค้าแกรนด์คิงดอมิ ซึ่งจะดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามายังพัทยา
ข่าวเด่น