แบงก์-นอนแบงก์
กูรูแถวหน้ามองการลงทุนภาครัฐสำคัญ ช่วยขับเคลื่อนประเทศยามเศรษฐกิจโลกชะลอ


กูรูเศรษฐกิจจากสศค.แนะภาครัฐเพิ่มบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจโลกและการใช้จ่ายภาคเอกชนชะลอตัว จี้ขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหนุนเศรษฐกิจไทยในระยะยาว รวมทั้งหันพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนเพิ่มโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMVเพื่อช่วยลดความผันผวนเศรษฐกิจโลก ระบุปีที่แล้วส่งออกไปมากถึง 10% เหนือกว่าเขตยูโรโซนที่มีเพียง  7% ด้านบิ๊กทรูมองธุรกิจโทรคมนาคมไทยยังสดใส  พร้อมหนุนแนวคิด "Infrastructure Sharing" เลี่ยงผู้ประกอบการทำงานซ้ำซ้อน


ธนาคารไทยพาณิชย์จัดงานสัมนาด้านเศรษฐกิจ “SCB Investment Symposium 2013:รู้รอบทิศ พิชิตการลงทุน” ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เพื่อให้ความรู้และคำแนะนำในการลงทุนแก่ลูกค้าและผู้ที่สนใจผ่านกูรูด้านการเงินการลงทุนระดับแถวหน้าของประเทศ ในโอกาสเดียวกันนี้ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปาฐกถาพิเศษเปิดมุมมองเศรษฐกิจไทย โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 3.8-4.3% ซึ่งการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจโลกและการใช้จ่ายภาคเอกชนชะลอตัว

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ ความผัวผวนของตลาดเงินและตลาดทุนโลก การเร่งตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และความเสี่ยงทางการเมือง ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจในระยะต่อไปจะมาจากการพื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และญี่ปุ่นที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง การส่งออกบางตัวมีสัญญาณเป็นบวกเช่น ด้านอิเล็กทรอนิกส์ การท่องเที่ยวและบริการยังขยายตัวได้ดี 20% ต่อเดือน โดยล่าสุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาขยายตัวถึง 28% อัตราการว่างงานต่ำ ฐานะการเงินของธนาคารและภาคเอกชนมั่นคง ฐานะการคลังภาครัฐยังเอื้อต่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีสัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 44% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะยาวยังต้องพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ที่จะมาช่วยลดความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ โดยในปีที่แล้วมีการส่งออกถึง 10% ซึ่งมากกว่าเขตยูโรโซนหรือสหภาพยุโรปที่อยู่ที่ 7% รวมทั้งการขยายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะภาครัฐที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่เอกชนยังไม่ลงทุน รัฐต้องลงทุนก่อนซึ่งจะได้ผลในระยะสั้น ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศและทำให้เอกชนแข่งขันได้
 
ด้านนายสมิทธ์ พนมยงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายเงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้โดยเฉพาะไตรมาส 4/2556 ว่า ยังคงผันผวนต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยตามกำลังการผลิตและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นประมาณปลายไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อรองรับการใช้จ่ายและความต้องการในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ทั้งในประเทศและการส่งออก โดยไตรมาส 4/2556 เศรษฐกิจไทยจะโตได้ 2.2%


นอกจากนี้ ได้ประเมินว่า สภาพคล่องในระบบที่ตึงตัวก่อนหน้านี้จะผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากอัตราการขยายตัวของสินเชื่อที่ชะลอลง ภาวะการแข่งขันระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์จึงแผ่วลงตามไปด้วย โดยปีนี้คาดการขยายตัวของเงินฝากโดยรวมทั้งระบบน่าจะโตระหว่าง 7-8% ลดลงจากปี 2555 ที่โต 11-12% โดยในช่วง 6-7 เดือนแรกของปีนี้ เงินฝากทั้งระบบขยายตัวได้ 3% คิดเป็นฐานเงินฝาก 12 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีฐานเงินฝาก 13 ล้านล้านบาท ถือเป็นการลดลงตามการปล่อยสินเชื่อที่ชะลอลง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) ได้เดินสายเตือนสถาบัน
การเงินให้ระมัดระวังสัญญาณการเกิดหนี้เสียที่เริ่มมีให้เห็น ส่วนในปี 2557 สภาพคล่องในระบบจะเป็นอย่างไรคงขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยคือ การเติบโตของสินเชื่อและเงินฝาก และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

สำหรับในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์มีเป้าระดมเงินฝากรวม 2 แสนล้านบาท โดยในช่วง  6-7 เดือนที่ผ่านมาระดมเงินฝากได้แล้ว  1.2 แสนล้านบาท  ขณะเดียวกันยังเฝ้าติดตามภาวะเศรษฐกิจ ตัวเลขการชะลอตัวลงต่าง ๆ ทั้งด้านการส่งออกและบริโภคและระวังสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่เพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด

 ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น ให้ข้อมูลภาพรวมของธุรกิจโทรคมนาคมไทยว่า ธุรกิจโทรคมนาคมของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับกำลังการบริโภคและเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว ดูได้จากตลาดโมบายที่ปัจจุบันมีการใช้จำนวนเลขหมายแล้ว 84 ล้านเลขหมาย ในขณะที่มีจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 18 ล้านผู้ใช้ หรือ 26% ของจำนวนประชากรทั้งหมดของไทย ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซี 

ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 3 พบว่า ไทยมีอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตขยายตัวแล้ว 24% เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยี 3จี และ 4จี มาใช้ แต่ก็ยังถือว่ามีการใช้ระบบดังกล่าวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม 

ขณะเดียวกันผู้บริหารจากบมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น ยังได้เสนอแนวคิดให้กลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาโครงสร้าพื้นฐานของระบบโทรคมนาคมในรูปแบบที่เรียกว่า “Infrastructuer Sharing” ซึ่งหมายถึงการร่วมมือกันผลักดันโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนซ้ำซ้อน อันช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนของผู้ประกอบการ และแนวคิดดังกล่าวยังสามารถนำไปใช้ได้กับหลายอุตสาหกรรม อีกทั้งยังสอดคล้องกับการตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานด้วย


อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยที่มีเสถียรภาพยังคงมีความสำคัญยิ่งต่อการลงทุนด้านธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งมี 3 ปัจจัยหลักที่จะทำเศรษฐกิจไทยเติบโตไป
ได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงได้แก่  1. เรคกูเรเตอร์ เช่น รัฐบาล แบงค์ชาติ กระทรวงการคลังและ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.) ที่จะเข้ามาดูแลกำกับกฎระเบียบการลงทุนในภาพรวม  2. สถาบันการเงินที่จะทำให้เกิดการถ่ายเทการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  และ 3.ความเชื่อมั่นในหลักการและเหตุผลของการลงทุน ดังนั้นหากไทยมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง มีกองทุนสาธารณูปโภคที่ส่งเสริมการลงทุนและการแข่งขันก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างมั่นคง 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

 

 

 

 

 


LastUpdate 12/09/2556 04:36:26 โดย : Admin
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 1:57 am