อสังหาริมทรัพย์
พฤกษา ประกาศขึ้นราคาบ้านเดี่ยว คอนโดฯ 5% เหตุรับต้นทุนพุ่งไม่ไหว



ตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงโค้งสุดท้ายระส่ำ บิ๊กจัดสรรอย่างพฤกษาประกาศปรับราคา 5% หลังวัสดุก่อสร้างพาเหรดขึ้นราคา ค่าแรงพ่นพิษ แรงงานขาดแคลน เชื่อตลาดรวมโต 5-7% แม้แบงก์เข้มงวดปล่อยกู้ เล็งเปิดโครงการใหม่อีก 45 โครงการ มูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท


 

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ยังมีอัตราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดโดยรวมจะมีอัตราเติบโตขึ้น 5-7% ของมูลค่าตลาดรวม 320,000-330,000 ล้านบาท แม้ว่าสถาบันการเงินจะคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นก็ตาม

โดยราคาที่อยู่อาศัยจะปรับตัวขึ้นอีก 5% จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกด้าน ทั้งค่าแรงงาน วัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงปัญหาแรงงานขาดแคลน แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมีความต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริงอยู่ ซึ่งในส่วนของบริษัทจะเปิดตัวอีก  45 โครงการ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ 78 โครงการ
 

 

 

ขณะที่ นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาดบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มโครงการใหม่จากเดิมมีแผนจะเปิดตัว 25 โครงการ เป็น 28 โครงการ รวมมูลค่า 32,000 ล้านบาท โดย 4 เดือนที่เหลือนี้จะเปิดตัวอีก 9 โครงการ ส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด ทั้งพิษณุโลก พัทยา เนื่องจากเห็นว่าตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นมาก ขณะเดียวกันบริษัทได้ตั้งงบประมาณในการซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นอีก จากราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นมาก
 

 

 

ด้าน นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์ แฟรงค์ ชาร์เตอร์(ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า ความต้องการคอนโดมิเนียมเกาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้ายังคงเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 ถึงกลางปี 2556 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,630 หน่วย มียอดขายไปแล้วจำนวนกว่า 40,006 หน่วย เหลือขายเพียง 16,424 หน่วย ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่รายล้อมเส้นทางรถไฟฟ้า 4 สาย คือ BTS สายสีเขียวอ่อน จำนวน 16,429 หน่วย BTS สายสีเขียวเข้ม จำนวน 9,866หน่วย  MRT  สายสีน้ำเงิน จำนวน 2,917หน่วย และ สายสีม่วง จำนวน 25,418หน่วย

สำหรับเส้นทางรถไฟฟ้าที่คอนโดมิเนียมขายดีที่สุด คือ สายสีเขียวเข้ม โดยส่วนต่อขยายสีเขียวเข้มช่วงสะพานตากสิน ถึงวงเวียนใหญ่ มีจำหน่ายทั้งสิ้น 4,163 หน่วย ขายไปได้ 3,477 หน่วย เหลือขายอีกเพียง 686 หน่วย อัตราการขายอยู่ที่ 83.5 % โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 120,196 บาท ต่อ ตารางเมตร ส่วนต่อขยายสายสีเขียวเข้มช่วงวงเวียนใหญ่ ถึงตลาดพลู มีจำนวนหน่วยทั้งสิ้น 2,508 หน่วย ขายไป 1,599 หน่วย เหลือขายอีกเพียง 909 หน่วย ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 82,543 บาทต่อตารางเมตร และส่วนต่อขยายสีเขียวเข้ม ช่วงตลาดพลู ถึงบางหว้า มีจำนวนหน่วยทั้งสิ้น 3,195 หน่วย ขายไปได้ 2,752 หน่วย เหลือขายอีกเพียง 443 หน่วย ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 63,457 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งตัวเลขการเติบโตของคอนโดมิเนียมสูงขึ้นทุกปี เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น

 

 

ส่วนตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯยังคงเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกันนับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อกลางปี 2554 กลุ่มที่มีความต้องการปรับตัวสูงขึ้นสูงสุด คือ กลุ่มอาคารสำนักงานเกรดเอ โดยอัตราการเช่าสำนักงานในกรุงเทพฯอยู่ที่ 88.02 % จากพื้นที่ทั้งหมดในปัจจุบันของสำนักงานออฟฟิศที่มีอยู่ หรือปริมาณพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพรวมอยู่ที่4,628,564 ตารางเมตร และในปี 2557 จะมีเพิ่มขึ้นอีก 200,529 ตารางเมตร โดยไม่รวมอาคารที่มีหลายเจ้าของและอาคารสำนักงานที่มีขนาดเล็กกว่า 5,000 เมตร

“ในอนาคตผู้เช่าควรเตรียมพร้อมรับค่าเช่าที่จะยังคงถีบตัวสูงขึ้นในย่านซีบีดี เนื่องจากอัตราการเช่าที่สูงและความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มพื้นที่เกรดเอซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดการเช่าที่สำคัญตลอดทั้งปีนี้ ทั้งนี้ อาคารใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีในทำเลธุรกิจใหม่ๆ เช่น รัชดาภิเษกอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้เช่า เนื่องจากอัตราค่าเช่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ อาคารมีคุณภาพ สามารถเดินทางเชื่อมโยงกับทางด่วน และแนวบริการขนส่งมวลชนต่างๆ ตลอดจนห้างร้านค้าปลีก ปัจจัยทั้งหมดนี้อาจทำให้ผู้เช่าบางรายเริ่มมองว่าการอยู่ในย่านธุรกิจกลางเมืองมีประโยชน์สำหรับธุรกิจของตนจริงหรือไม่ในที่สุด” นายพนมกล่าว

 


 

ด้าน ดร.ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการเปิดตัวของ AEC เชื่อว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสำนักงานออฟฟิศ คอนโดมิเนียม และเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ จะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคค่อนข้างมาก เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรจากแหล่งงานต่างๆ ความต้องการที่อยู่อาศัยชั่วคราว ประเภทเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ หรือประเภทคอนโดมิเนียมปล่อยเช่า ก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามมา ในส่วนของภาคธุรกิจความต้องการด้านพื้นที่สำนักงานเพิ่มสูงขึ้น และพื้นที่ค้าปลีกให้บริการเพิ่มมากขึ้น และสุดท้ายราคาที่ดินก็จะเพิ่มสูงขึ้น

“นอกจากการเปิดตัว AEC ที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตคึกคักแล้ว ยังมีปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพมหานครที่สูงขึ้น คือ ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ,สนามบิน,ศูนย์กลางธุรกิจ และแนวโน้มรายได้ประชากรที่สูงขึ้นจากการลงทุนในไทยมากขึ้น”ดร.ดลพิวัฒน์กล่าว


LastUpdate 11/09/2556 10:42:12 โดย : Admin
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 7:15 am