แบงก์-นอนแบงก์
"ทีเอ็มบี" ผนึก"ไอเอฟซี" เปิดบริการ "ค้ำประกันการค้าระหว่างประเทศ" หนุนผู้นำเข้า-ส่งออก โกอินเตอร์ไม่ต้องกลัวเสี่ยง


 

"ทีเอ็มบี"จับมือไอเอฟซีค้ำประกันการค้าระหว่างประเทศ ตอบโจทย์เอสเอ็มอีนำเข้า-ส่งออก โกอินเตอร์ไม่ต้องกลัวเสี่ยง ลุยเปิดตลาดประเทศเกิดใหม่ฉลุย ประเดิม CLMV-แอฟฟริกา-ตะวันออกกลาง เชื่อตรงใจลูกค้าดันวอลุ่มธุรกรรมเทรดพุ่ง

 

 

 

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามความร่วมมือในโครงการ Global Trade Finance Program (GTFP) กับ International Finance Corporation (IFC) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ World Bank เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนธุรกรรมการค้าของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ให้สามารถทำธุรกิจระหว่างกันได้สะดวกขึ้นและลดความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่ค้าลงไป โดยมีไอเอฟซีเป็นผู้ค้ำประกันการชำระเงินให้ด้วยเครือข่ายธนาคารชั้นนำกว่า 250 แห่ง ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่กว่า 90 ประเทศทั่วโลก

"ปัญหาสำคัญของทั้งผู้ส่งออกและนำเข้าของไทยก็คือการดีลกับคู่ค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกที่ไม่อาจแน่ใจความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่ค้าในต่างประเทศได้ว่าเมื่อสั่งสินค้าและส่งสินค้าไปแล้วจะได้รับชำระเงินหรือไม่ ซึ่งประเทศเกิดใหม่จะค่อนข้างมีข้อจำกัดด้านบริการทางการเงินอยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วที่มีสถาบันการเงินขนาดใหญ่เข้ามาบริการด้านชำระเงินและการให้เครดิต โครงการนี้จึงเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ให้โดยตรง"

สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศและต้องการปิดความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกค้าด้วยโครงการนี้ สามารถสมัครใช้บริการได้ทันที ซึ่งทีเอ็มบีจะตรวจสอบเครดิตไปยังประเทศปลายทางเพื่อยืนยันสถานะการรับรองและให้ไอเอฟซีเข้ามาค้ำประกันการชำระเงินให้ใช้เวลาดำเนินการเพียง 1 วัน ซึ่งลูกค้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมประมาณ 0.5% ของมูลค่าสินค้าเพื่อปิดความเสี่ยงนี้ ทั้งนี้อัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับประเทศและระยะเวลาของสัญญาด้วย

นายบุญทักษ์กล่าวอีกว่า ในแง่เงื่อนไขธุรกรรมระหว่างประเทศเมื่อปิดความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระไปแล้วก็สามารถทำให้ธนาคารมีความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์การเงินแบบใหม่ๆ ที่มีลูกเล่นเพิ่มขึ้นมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก ทั้งในแง่สินเชื่อ การเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ และเครื่องมือการปิดความเสี่ยงอื่นๆ

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสร้างโอกาสในทางการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวะนี้ประเทศคู่ค้าที่เป็นตลาดหลักของไทยยังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เช่น สหรัฐ ยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีน ก็เป็นจังหวะที่จะต้องมาหาตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เช่น ในภูมิภาคอาเซียน อย่าง CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) กลุ่มประเทศในแอฟริกา และกลุ่มตะวันออกกลาง เป็นต้น

ด้าน นายเซอร์จิโอ พิเมนต้า ผู้อำนวยการ ไอเอฟซี ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยให้ทีเอ็มบีเข้าถึงเครือข่ายบริการทางการเงินที่เชื่อมต่อไปอีกหลากหลายประเทศ ซึ่งจะสามารถพัฒนาเป็นบริการให้แก่ลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีให้สามารถมีธุรกรรมการค้าเพิ่มขึ้น โดยมองว่าศักยภาพของประเทศไทยมีโอกาสสูงมากที่จะเพิ่มปริมาณธุรกรรมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกลุ่ม CLMV ที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ

"ดีลนี้เกิดขึ้นในจังหวะนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี เพราะจะเป็นโอกาสที่กลุ่มธุรกิจผู้ส่งออกของไทยต้องมองหาคู่ค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยลูกค้าจากตลาดหลักที่ชะลอกำลังซื้อลงไปในช่วงนี้ น่าจะช่วยให้ภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยเติบโตขึ้น" นายเซอร์จิโอกล่าว

 


LastUpdate 20/09/2556 11:34:09 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 5:41 am