ความสำเร็จของ "หลี่ นา" นักเทนนิสสาวจีน ที่คว้าแชมป์หญิงเดี่ยว "เทนนิส เฟรนช์ โอเพ่น" เมื่อปี 2011 ยังคงเป็นที่พูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยมา 2 ปีแล้ว และยังเป็นกระแสที่แรงพอในการผลักดันให้นักเทนนิสรุ่นใหม่ของจีน รวมถึงนักเทนนิสเอเชีย มีแรงกระหายที่จะประสบความสำเร็จตามแบบอย่างของเธอ

        "สเตซีย์ อัลลาสเตอร์" ประธานสมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง (WTA) ให้สัมภาษณ์ขณะไปเยือนสิงคโปร์ว่า เวลานี้การผลิตนักเทนนิสอาชีพหญิงของจีนยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเพราะ "หลี่ นา" ยังคงเป็นนักเทนนิสที่นักหวดรุ่นใหม่ยกให้เป็นแบบอย่างและเป็นแรงกระตุ้นอย่างไม่รู้เบื่อ ทำให้มีนักเทนนิสสาวจีนหน้าใหม่ๆ ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ระดับอาชีพของ WTA ทัวร์ไม่ขาดสาย รวมทั้งขึ้นมาติดมืออันดับต้นๆ ของโลกมากเป็นพิเศษ 

         ซึ่งล่าสุด "จาง ฉ่วย" เป็นนักเทนนิสสาวจีนรายที่ 5 และเป็นรายล่าสุดที่คว้าแชมป์เทนนิสอาชีพในรายการของ WTA ทัวร์ได้ ในศึกเทนนิส "กว่างโจว โอเพ่น" ทั้งที่เธอได้สิทธิลงแข่งในฐานะผู้เล่นไวลด์การ์ด

        “หลี่ นา จะมีบทบาทสำคัญต่อไปในการสร้างความก้าวหน้าให้กับวงการเทนนิสหญิงในเอเชียตลอดทศวรรษนี้” อัลลาสเตอร์กล่าวถึงหลี่ นา ซึ่งปัจจุบันรั้งมือ 5 ของโลก

        จากการจัดอันดับนักเทนนิสอาชีพหญิงโลกเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักเทนนิสหญิงจีนติด 51 อันดับแรกของโลกในเวลาเดียวกันถึง 3 ราย ได้แก่ หลี่ นา, เป็ง ฉ่วย และเจิ้ง เจีย ส่วนจาง ฉ่วย นักหวดวัย 24 ปี พุ่งจากอันดับ 112 ขึ้นมารั้งอันดับ 74 ของโลก นอกจากนี้ ยังมีนักเทนนิสสาวจีนติดอยู่ใน 300 อันดับแรกของโลก 10 ราย  

        “ฉันขอมองย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับวงการเทนนิสหญิงสหรัฐอเมริกา เวลานี้มีนักเทนนิสหญิงชาวสหรัฐติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของโลกถึง 10 คน และฉันคิดว่าน่าจะมี 5-6 คนในจำนวนนี้ที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี นั่นเป็นผลผลิตจากแรงบันดาลใจที่เกิดจากความสำเร็จของเซเรนาและวีนัส วิลเลียมส์ ตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา และวงการเทนนิสหญิงจีนน่าจะมีโอกาสทำได้อย่างนี้บ้าง” อัลลาสเตอร์กล่าวทิ้งท้าย