"กิตติรัตน์" รองนายกฯ ยันยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เหตุแบงก์เข้มงวดปล่อยกู้ ขณะผู้ประกอบการขอกู้น้อย ขณะศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้คอนโดมิเนียมเกิดใหม่พุ่ง 7.5 หมื่นหน่วย

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณของภาวะฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในแง่ของการกู้เงินของผู้ประกอบการเพื่อนำไปก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรร ขณะที่เชื่อว่าระบบธนาคารพาณิชย์จะมีความระมัดระวังในการให้สินเชื่อเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ไม่เกิดปัญหาโอเวอร์ ซัปพลาย ขณะที่การซื้ออสังหาริมทรัพย์ของภาคประชาชน เช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์แห่งที่ 3 หรือ 4 ก็ยังอยู่บนพื้นฐานของคนที่ยังมีเงินออม หรือรายได้มากพอที่จะกู้ซื้อบ้านได้ ซึ่งการซื้ออสังหาริมทรัพย์เริ่มจะเห็นการลงทุนกระจายตัวไปยังภูมิภาคในจังหวัดต่างๆ ที่มีความเจริญมากขึ้น เห็นได้ว่ามีบริษัทอสังหาริมทรัพย์เข้าไปพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการของประชาชนเพิ่มขึ้นด้วย

"ปัจจุบันนี้มีการควบคุมที่ดีจากทุกฝ่าย ทั้งธนาคารพาณิชย์ ที่ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ก็ระวังการกู้เงิน และยื่นขอกู้น้อย ผู้ซื้อเองก็มีความระมัดระวังในการก่อหนี้ เชื่อว่ากลไกเหล่านี้จะควบคุมภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้"

นายกิตติรัตน์กล่าว สำหรับในกรุงเทพฯ มีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในย่านที่คมนาคมขนส่งสะดวกตามแนวรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดิน เนื่องจากมีความต้องการพักอาศัยในทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวก 

ด้าน นายสัมมา คีตะสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส. ) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะมีอัตราขยายตัวราว 5% หากเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าที่จะออกไปสู่ชานเมืองมากขึ้น ซึ่งปีนี้จะมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 7-7.5 หมื่นหน่วย สูงกว่าปีก่อนที่มีคอนโดมิเนียมเกิดใหม่เพียง 6.3 หมื่นหน่วย ขณะที่ที่อยู่อาศัยแนวราบจะมีเกิดใหม่ทั้งหมด 4 หมื่นหน่วยใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับยอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4.7 แสนล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา