สมาคมอสังหาริมทรัพย์ เผยโอกาสสุดท้ายเลือกซื้อบ้านราคาเดิม ลุยจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดมิเนียม ครั้งที่ 29 หวังกระตุ้นกำลังซื้อช่วงปลายปี ตั้งเป้าโกยยอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท ผู้ร่วมงานกว่า 100,000 คน
 

นายรุ่งอนันต์ ลิ่มทองแท่ง ประธานการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดมิเนียม ครั้งที่ 29 เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 14-17 พ.ย.นี้ จะจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดมิเนียม ครั้งที่ 29 ขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน ศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ มาร่วมออกบูธกว่า 200 บริษัทรวมกว่า 600 โครงการ เป็นกลุ่มบ้านเดี่ยว 35% คอนโดมิเนียม 32% ทาวน์เฮาส์ 15% ที่เหลือเป็นสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ รวมทั้งที่ดินเปล่า 
 

การจัดงานดังกล่าว จะใช้งบประมาณอีก 20 ล้านบาทในการโฆษณา ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์ และโซเชี่ยลมีเดียต่าง ๆ เนื่องจาดจากสถิติที่สมาคมเก็บมาพบว่า ผู้บริโภครับรู้การจัดงานผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น  คาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 100,000 คน มียอดจองซื้อบ้าน 3,000 ล้านบาท ไม่รวมยอดจองซื้อหลังจากจบช่วงเวลาในการจัดงาน
 

"งานดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว เพราะเป็นงานใหญ่ครั้งสุดท้ายของปี ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างพร้อมใจกันจัดแคมเปญต่าง ๆ ทั้งลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ พร้อมกับปิดการขายภายในสิ้นปีนี้ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ผู้บริโภคเอง ก็จะได้สินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาเดิมที่ไม่แพง"
 

ในขณะที่ดอกเบี้ยยังต่ำอยู่ ผู้ประกอบการยังไม่ได้ปรับราคาขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากนัก จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ผู้บริโภคมีบ้านได้ง่ายขึ้น เพราะมองว่าปีหน้าเป็นต้นไป ผู้ประกอบการจะต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 7-10% ตามต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และค่าจ้างแรงงานที่ปรับสูงขึ้นจากนโยบายของภาครัฐ อีกทั้งเห็นว่าช่วงเวลาดังกล่าว น่าจะทำให้ความกังวลต่าง ๆ ผ่อนคลายไปแล้ว โดยเฉพาะจากปัญหาน้ำท่วม สถานการณ์การเมืองที่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
 

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา กำลังซื้อชะลอตัวไปมาก ทั้งจากความกังวลกับสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น รวมทั้งลังเลกับปัญหาน้ำท่วมว่าจะท่วมในเขตใดบ้าง ทำให้ยอดขายบ้านหดตัวลงไปพอสมควร แต่เชื่อว่า ไตรมาสสุดท้ายนี้จะเป็นโอกาสดีให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าได้เต็มที่ เพราะไม่ค่อยกังวลกับปัจจัยลบใด ๆ มากนักแล้ว ขณะเดียวกันนโยบายของรัฐบาลเองก็มีความชัดเจนมากขึ้นในการที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง โครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯเชื่อมต่อชานเมือง และมอเตอร์เวย์ ซึ่งมีผลทำให้มีการเปิดพื้นที่ที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ เข้าไปตามโครงสร้างพื้นฐานของรัฐเหล่านั้นมากขึ้นด้วย