ทยอยแจ้งผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 3 และรวมทั้ง 3 ไตรมาสของปีนี้ออกมาแล้ว สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีผลประกอบการที่ดี ทั้งในแง่ของยอดขาย รายได้ และกำไร เนื่องจากได้รับผลดีจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีอย่างต่อเนื่อง ประกอบการกับสถาบันการเงินแข่งขันกันปล่อยสินเชื่อรายย่อย ดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ผู้บริโภคสามารเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ยอดขายของผู้ประกอบการสูงขึ้น 

นางบุษบา ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ว่า สามารถทำยอดขายไตรมาส 3 ปี 2556 เท่ากับ 3,505 ล้านบาท มีรายได้รวมจำนวน 2,356 ล้านบาท เป็นรายได้จากการดำเนินงาน 2,352 ล้านบาท รายได้หลักมาจากโครงการที่อยู่อาศัย 2,138 ล้านบาท และอาคารสำนักงานให้เช่า 214 ล้านบาท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 249 ล้านบาท

เมื่อเทียบผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี พบว่า บริษัทสามารถทำยอดขายรวม 10,393 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายรวม 6,791 ล้านบาท เติบโต 52% รายได้จากการดำเนินงาน 6,781 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนระหว่างรายได้จากการขาย 91% และรายได้จากค่าเช่าและบริการ 9% และมีกำไรสุทธิ 758 ล้านบาท ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม จำนวน 25,949 ล้านบาท และหนี้สินรวม 15,745 ล้านบาท 

สำหรับโครงการใหม่ที่เปิดขายในช่วงสุดท้ายของปี ได้แก่ โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สาทร คฤหาสน์หรูสไตล์ Modern Luxury บนถนนกัลปพฤกษ์ ใกล้สาทร มีพื้นที่กว่า 50 ไร่ จำนวน 132 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 16 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนนี้และสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 100 ล้านบาท ซึ่ง 2 โครงการคฤหาสน์หรูที่เปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คือ โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา-รามอินทรา 2 ด้วยเอกลักษณ์ Tuscany Style จำนวน 51 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 23.99 ล้านบาท กับโครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สาทร-ปิ่นเกล้า คฤหาสน์หรู Modern European Style จำนวน 36 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเล ติด ถ.ราชพฤกษ์ ใกล้ The Circle มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท 

นางบุษบา กล่าวว่า ปัจจุบัน เอสซี แอสเสท มีโครงการที่เปิดขายทั้งหมด 31 โครงการ มูลค่าโครงการคงเหลือเพื่อขายประมาณ 26,300 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 20 โครงการ และโครงการแนวสูง 11 โครงการ มียอดขายรอโอนกว่า 11,900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนและรับรู้รายได้ในปี 2556-2559 จากการตอบรับที่ดีของลูกค้า ทั้งโครงการเปิดใหม่ที่เปิดในครึ่งปีหลังและโครงการต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่า เอสซี แอสเสท จะสามารถทำรายได้ปี 2556 ได้ตามเป้าหมาย 

พฤกษาประกาศปรับเป้ายอดขาย 

ด้านทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PSกล่าวว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายปีนี้จากเดิม 35,000 ล้านบาทเป็น 39,000-40,000 ล้านบาท หลังจากยอดขายในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา มีมากกว่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ ขณะที่รายได้ปรับเพิ่มจากเดิม 33,000 ล้านบาท เป็น 37,000 ล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้ 25,264 ล้านบาทแล้ว สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 18,777 ล้านบาท ถึง 35% โดยทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ยังคงเป็นสินค้าที่ทำรายได้หลักเป็นสัดส่วนสูงถึง 82% จากรายได้ทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,539 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ทำกำไรสุทธิ 2,636 ล้านบาท 

MK เผยกำไรพุ่ง178% 

นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวถึงผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 ปี 2556 ว่า บริษัท รับรู้รายได้จากการขายและบริการ จำนวน 737.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.92% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 386.17 ล้านบาท และเพิ่มสูงขึ้น 5.94% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 695.92 ล้านบาท โดยโครงการหลักที่สร้างรายได้ในไตรมาสนี้ ได้แก่ คอนโดมิเนียม เด็น วิภาวดี, ชวนชื่นโมดัส เซนโทร และชวนชื่น จรัญฯ 3 ทำให้สามารถรับรู้รายได้จากการขายและบริการสำหรับช่วง 9 เดือน จำนวน 2,020.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.66% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 1,257.39 ล้านบาท รวมทั้งยังสูงกว่ารายได้จากทั้งปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 1,724.24 ล้านบาท ถึง 17.16% 

สำหรับงวด 9 เดือน มีกำไรเบื้องต้น 690.45 ล้านบาท มีอัตราส่วนกำไรเบื้องต้น 34.18% ต่ำกว่าปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 37.74% ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นของคอนโดมิเนียมที่ต่ำกว่าแนวราบ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 14.59% จาก 274.51 ล้านบาท เป็น 314.56 ล้านบาท 

“พรีบิลท์”สร้างสถิติใหม่ 

ขณะที่นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่องส่งผลให้การดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2555 และยังคงทำสถิติสูงสุด ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ และคาดว่าผลประกอบการปี 2556 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 5,000 ล้านบาท หรือขยายตัวถึง 22% เมื่อเทียบกับปี 2555 

“ปีนี้เป็นไปตามคาด ธุรกิจรับเหมายังคงขยายตัวอย่างต่อ เนื่องจากปัญหาความขาดแคลนผู้รับเหมา โดยพรีบิลท์ยังคงรักษาแบกล็อกคงค้างให้อยู่ในระดับประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดการทยอยรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมของบิลท์แลนด์ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ ในไตรมาสสาม ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง ส่วนรายได้รวมขณะนี้ห่างจากเป้าหมายเพียง 425 ล้านบาท” นายชัยรัตน์ กล่าว 

ทั้งนี้ผลประกอบการรวมช่วง 3 ไตรมาส ของปี 2556 บริษัทมีรายได้รวมถึง 4,575 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 250 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 2555 มีรายได้รวม 4,089 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 189 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้สูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2555 แล้ว 

อย่างไรก็ตาม หากเทียบผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2555 รายได้ขยายตัวถึง 51 %.ในขณะที่รายได้รวม 3 ไตรมาส ของปี 2555 อยู่ที่ 3,036 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 153 ล้านบาท โดยมีที่มาของรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจำนวน 5,708 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดย บริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด(มหาชน) 540 ล้านบาท, บริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด จำนวน 530 ล้านบาท และบริษัท บิลท์ฮาร์ท จำกัด 3.3 ล้านบาท 

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2557 บริษัทยังคงยึดนโยบายการดำเนินธุรกิจแบบ Synergy ระหว่างบริษัทในเครือ เพื่อรักษาระดับอัตราการเจริญเติบโตของรายได้และผลกำไร และอาจจะต้องมาเพิ่มการรับงานในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพื่อชดเชย รายได้ในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่อีก 3 – 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ เทมโปแกรนด์ สาทร – วุฒากาศ คอนโดมิเนียม High Rise และโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise อีก 3 โครงการ ได้แก่ ย่านรามคำแหง – พระราม 9 และ 1 โครงการ และย่านพหลโยธินอีก 2 โครงการ ในขณะที่กำลังอยู่ระหว่างการหาที่ดินเพื่อพัฒนาแนวราบอีก 1 – 2 โครงการ เพื่อสร้างรายได้ชดเชยในระหว่างที่ทำการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 3 โครงการดังกล่าว