คปภ.เชื่อไทยเป้าหมายประกันต่างชาติ ขนเงินเข้ามาลงทุนลุยเออีซี เหตุตลาดใหญ่-กำลังเติบโต-เชื่อมต่อเพื่อนบ้านง่าย ชี้เทรนด์ปีหน้าโตต่อเนื่อง สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดเกิดใหม่ เชื่อปี '57 โตตามแผน กวาดเบี้ย 6% ของจีดีพี สูสีตลาดมาเลเซีย

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตลาดประกันภัยในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกค่อนข้างมากในอนาคต ซึ่งเป็นเหตุให้มีบริษัทประกันภัยจากต่างชาติค่อนข้างสนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้ ทั้งยังมองว่ามูลค่าเบี้ยประกันภัยทั้งระบบยังค่อนข้างน้อยเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของไทยที่ค่อนข้างใหญ่ถึง 12 ล้านล้านบาท จึงมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก

นอกจากนี้ ในโอกาสที่กำลังจะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) นั้น ประเทศไทยมีความได้เปรียบในแง่ภูมิศาสตร์หากต่างชาติจะเข้ามาลงทุน เนื่องจากเป็นพื้นที่ศูนย์กลาง สามารถขยายธุรกิจเชื่อมต่อออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (CLMV) ซึ่งเป็นโอกาสที่จะต่อยอดออกไป

"นี่เป็นเหตุผลที่ต่างชาติค่อนข้างสนใจเรามาก ที่ผ่านมาก็มีหลายรายเข้ามาดูอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเขาก็มาพร้อมกับข้อมูลระดับหนึ่งอยู่แล้ว ในแง่ของ คปภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจนี้ก็มีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้การพัฒนาธุรกิจเป็นไปได้สะดวกและเหมาะสม ทั้งในแง่ของคนที่จะเข้ามาลงทุนหรือธุรกิจประกันภัยไทยที่จะออกไปข้างนอกด้วย"

นายประเวชกล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยบางรายประสานมาทาง คปภ. ให้ช่วยอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการที่จะออกไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่ม CLMV เช่นกัน โดยมีทั้งบริษัทประกันชีวิตและประกันวินาศภัยที่สนใจ ซึ่งสามารถทำได้หลายลักษณะ ทั้งการขออนุญาตไปเปิดสำนักงานตัวแทน (Representative Office) และการออกไปร่วมลงทุนกับธุรกิจในท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่ง คปภ. ก็พร้อมสนับสนุน

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจประกันภัยในปีนี้ นายประเวช มั่นใจว่า ช่วงไตรมาส 4 จะเป็นจังหวะเติบโตของธุรกิจประกันภัย โดยคาดว่าปีนี้เบี้ยรวมทั้งระบบจะขยายตัวได้ประมาณ 17% จากฐานเบี้ยราว 6 แสนล้านบาทในปีที่แล้ว แม้ว่าช่วง 9 เดือนแรกเบี้ยรวมจะเติบโตอยู่ที่ 16% แต่มั่นใจว่าปลายปีซึ่งเป็นช่วงเติบโตมากก็จะยังคงมีทิศทางเช่นในปีที่ผ่านๆ มา

"ก่อนหน้านี้ธุรกิจประกันภัยไทยเราเติบโตเฉลี่ยปีละ 12-13% เพิ่งมาปีที่แล้วหลังน้ำท่วมใหญ่ เราก็โตกระโดดขึ้นมาเป็น 20% ปีนี้ก็น่าจะเติบโตได้อีก 17% ก็ถือว่าน่าพอใจ ปีหน้าก็ยังประเมินว่าเบี้ยน่าจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 10% ต่อเนื่องกันไป เทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วธุรกิจนี้เติบโตปีละ 2-3% หรือเทียบกับประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน เขาก็เติบโตปีละ 7-8% ระดับของเราจึงถือว่าโตมากกว่าค่าเฉลี่ย"

แนวโน้มการเติบโตที่ดีดังกล่าว ทำให้นายประเวชเชื่อว่า ปีหน้าสัดส่วนเบี้ยประกันภัยทั้งระบบน่าจะขยายตัวจากประมาณ 5% ขึ้นไปเป็น 6% เมื่อเทียบกับจีดีพีของประเทศซึ่งอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นระดับที่เป็นไปตามแผนพัฒนาธุรกิจประกันภัยฉบับที่ 2 ที่กำหนดสัดส่วนดังกล่าวไว้ โดยมั่นใจว่าระดับ 6% ของจีดีพี จะใกล้เคียงกับประเทศมาเลเซีีย จัดเป็นอันดับ 2 ร่วมกัน ทั้งจะเป็นตัวชี้วัดที่ดีถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิิิจประกันภัยไทยต่อไปในอนาคตด้วย