แบงก์-นอนแบงก์
"บัณฑูร"ห่วงการเมืองฉุดเศรษฐกิจไทยติดหล่ม กระทบตลาดหุ้น-กระเทือนความเชื่อมั่นนักลงทุนระยะยาว


 
ขาใหญ่แบงก์ “บัณฑูร ล่ำซำ” ห่วงผลกระทบเศรษฐกิจโลก-การเมืองถล่มเศรษฐกิจไทย กระทบหนักทั้งระยะสั้น-ยาว ย้ำภาคการเงินทำหน้าที่เต็มที่แล้ว ส่องเทรนด์ปีหน้าเศรษฐกิจโต 4-5% สินเชื่อโตได้ 8-9% น่าพอใจแล้ว
 

 

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะถูกกระทบค่อนข้างมาก และอาจจะขยายตัวได้เพียง 3% ซึ่งเป็นผลกระทบจากทั้งภาคการส่งออกที่ถูกกระทบมาก่อนหน้านี้จากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ทำให้ปีนี้ภาคการส่งออกของไทยน่าจะเติบโตไม่ถึง 1% ทั้งยังมีปัญหาเรื่องความไม่สงบทางการเมืองที่ขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้ว เช่นในตลาดทุนที่มีแรงเทขายหุ้นออกมากพอสมควร
 
นอกจากนี้ ผลกระทบจากภาคการเมืองที่อาจจะส่งผลในระยะยาว นายบัณฑูรอธิบายว่า น่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความไม่เชื่อมั่นว่าทิศทางการบริหารจัดการทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทยจะไปในทิศทางใด ก็จะมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนต่อไปเช่นกัน
 
“ตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลกระทบแล้วว่าคนที่เตรียมจะรับทรัพย์ในช่วงปลายปีก็คงไม่ได้อย่างที่คาด ร้านค้าและเอสเอ็มอีต่างๆ ที่หวังว่าจะขายของได้มากขึ้นในช่วงปลายปีก็คงผิดหวัง ผลกระทบมันมีอยู่แล้ว ตอนนี้คงไม่ต้องพูดมากเรื่องมาตรการทางเศรษฐกิจแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็ทำไปเยอะ ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นการลงทุนต่างๆ รวมถึงภาคธนาคารเองก็ทำงานเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ต้องอิงไปกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ดี”
 
แนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าอาจจะดีขึ้นจากภาคส่งออกที่ฟื้นตัวกลับมาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ประมาณ 4-5% ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม หากเติบโตเร็วเกินไปก็จะมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นภาวะฟองสบู่ได้ โดยมองว่าปัจจัยภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวน่าจะมีอัตราขยายตัวประมาณ 6-7% และมีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เข้ามาเป็นปัจจัยสนับสนุน
 
“ผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ภาคธนาคารทั้งระบบขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นประมาณ 8-9% น่าจะเป็นระดับที่เหมาะสม”
 
นายบัณฑูรกล่าวอีกว่า สิ่งที่ภาคธุรกิจพอจะทำได้ก็ต้องทำธุรกิจของตัวเองต่อไปให้ดีที่สุด อย่างล่าสุดธนาคารกสิกรไทยก็เปิดตัว “บัตรเครดิตยูเนี่ยนเพย์กสิกรไทย” เพื่อบริการคนไทยที่สามารถไปใช้จ่ายในต่างประเทศและทำการค้า โดยเฉพาะในประเทศจีน ฮ่องกง มาเก๊า รวมถึงอีกกว่า 140 ประเทศทั่วโลก
 
“เราคาดว่าบัตรนี้ก็น่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้บ้าง เพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจเราก็พึ่งพาภาคการท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่ถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุด มาเที่ยวไทยมากที่สุดถึง 5 ล้านคน อีกมุมหนึ่งเมื่อมองจากปริมาณบัตรเครดิตในโลกนี้ มีถึงครึ่งหนึ่งที่ใช้ระบบของยูเนี่ยนเพย์อยู่แล้ว มีร้านค้ารับบัตรมากกว่า 8 ล้านร้านค้า และจุดบริการเอทีเอ็มมากว่า 1.5 ล้านจุดทั่วโลก นี่ก็เป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมเราต้องร่วมมือกับยูเนี่ยนเพย์ออกบัตรเครดิตนี้” นายบัณฑูรกล่าว


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 พ.ย. 2556 เวลา : 20:10:37
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 4:41 am