ตอนนี้ใกล้จะสิ้นสุดปี 2013 และย่างก้าวเข้าสู่ปี 2014 ซึ่งเมื่อถึงเวลาปลายปีทีไร ก็ถึงเวลามาทบทวนถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ซึ่งสำหรับในวงการกีฬาโลก ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
"อาร์มสตรอง" สารภาพ
เมื่อเอ่ยชื่อของ "แลนช์ อาร์มสตรอง" แล้ว เขาคือนักขี่จักรยานที่ยิ่งใหญ่ เขาคว้าแชมป์จักรยานชิงแชมป์โลก ตูร์ เดิ
ฟรองช์ ถึง 7 สมัย อย่างไรก็ตาม ระยะหลังมีข่าวว่าเขาใช้สารกระตุ้น ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธมาตลอด จนเมื่อวันที่ 17 มกราคม เขาก็สารภาพในรายการทอล์กโชว์สุดฮิตของพิธีกรชื่อดัง "โอปราห์ วินฟรีย์" ว่าเขาโดปจริง และบอกว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคว้าแชมป์ 7 สมัยโดยไม่ใช้สารกระตุ้น ซึ่งการใช้สารกระตุ้นทำให้แชมป์ที่เขาเคยได้ต้องถูกริบไปพร้อมกับทำให้ความรู้สึกของแฟนๆ ที่มีต่อเขาต้องเปลี่ยนไปจาก "ฮีโร่" เป็น "ขี้โกง"
"พิสโตเรียส" เป็นฆาตกร
"ออสการ์ พิสโตเรียส" นักกีฬาพิการชาวแอฟริกาใต้ คือ หนึ่งในนักกีฬาที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนสู้กับชีวิต แต่น่าเศร้าว่า เขาเป็นฆาตกรด้วยการยิง "รีวา สตีนแคมป์" แฟนสาวของเขาเองตายในวันวาเลนไทน์ ซึ่งเจ้าตัวก็อ้างว่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นขโมยเลยฆ่า และเขาเองเสียใจที่ทำให้แฟนสาวอันเป็นที่รักของเขาต้องเสียชีวิต
"เมอร์เรย์"คว้าแชมป์
"แอนดี เมอร์เรย์" อาจไม่ใช่นักเทนนิสชาวอังกฤษก็จริง แต่การที่เขาเป็นชาวสกอตแลนด์ ทำให้เวลามาเล่นศึกวิมเบิลดัน ที่แข่งขันที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็เหมือนเมอร์เรย์ได้เล่นในบ้าน เพราะเป็นคนสหราชอาณาจักรเหมือนกัน ซึ่งทุกๆปี ชาวสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะชาวอังกฤษก็คาดหวังว่าจะมีนักเทนนิสสหราชอาณาจักรคว้าแชมป์วิมเบิลดัน หลังจากนานแสนนานมาแล้วที่ไม่เคยมีนักเทนนิสสหราชอาณาจักรคว้าแชมป์ และเมอร์เรย์ ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง เพราะเขาสามารถคว้าแชมป์ชายเดี่ยวได้ ด้วยการโค่น "โนวัก โยโควิช" ในรอบชิงชนะเลิศไปสามเซตรวด ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเขารับรู้ความรู้สึกมานานว่าการแพ้ในรอบชิงชนะเลิศเทนนิสวิมเบิลดันมันเจ็บปวดอย่างไรเพราะเขาเคยประสบมาแล้ว มาวันนี้เขาได้สัมผัสกับชัยชนะบ้างแล้ว และเขาชอบความรู้สึกของการได้แชมป์วิมเบิลดันมากกว่ารองแชมป์เยอะ
"เฟอร์กูสัน" รีไทร์
"เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" อดีตกุนซือทีม"ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นกุนซือที่ทุกคนต้องยอมรับในความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นคนรักแมนฯยูฯหรือเกลียดแมนฯยูฯเข้าไส้ก็ตาม เพราะตลอดเวลาที่เขาคุมทีมปิศาจแดงมาตั้งแต่ปี 1986 เขาช่วยให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถึง 13 ครั้ง , แชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีก 2 ครั้ง , แชมป์เอฟ เอ คัพ 5 ครั้ง และ แชมป์ลีก คัพ 2 ครั้ง ไม่มีใครทำได้อย่างเขา ดังนั้นเมื่อเขาประกาศอำลาตำแหน่งจึงทำให้หลายคนอดใจหายไม่ได้ โดยสถิติคุมทีมเดียวถึง 26 ปี ยังเป็นสถิติคุมทีมฟุตบอลนานที่สุดของอังกฤษ
"เบล "ย้ายซบ"มาดริด"
เมื่อวันที่ 1 กันยายน "กาเรธ เบล" จรดปากกา ย้ายจาก"ไก่เดือยทอง"ทอตแนม ฮอตสเปอร์ มาอยู่กับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวที่มากเป็นสถิติโลก คือ 100 ล้านยูโร ทุบสถิติเดิมเมื่อครั้ง คริสเตียโน โรนัลโด ย้ายจากแมนฯยูฯ มาอยู่ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 94 ล้านยูโร เมื่อปี 2009 ซึ่งการย้ายทีมของเบลครั้งนี้ เจ้าตัวก็ไม่ลืมที่จะหยอดคำหวานว่า สเปอร์ จะอยู่ในใจเขาตลอดไป
"ญี่ปุ่น"ได้จัดโอลิมปิก
เมื่อคืนวันที่ 7 กันยายน ชาวญี่ปุ่นได้เฮกันลั่น เมื่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี มีมติเลือก กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ให้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูร้อน ปี 2020 โดยมีคะแนนเหนืออิสตันบูล ของตุรกี และ มาดริด ของสเปน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่กรุงโตเกียวได้จัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน หลังจากเคยจัดไปเมื่อปี 1964 โดยเป็นเมืองที่ 5 ในโลกที่ได้จัดโอลิมปิกมากกว่าหนึ่งครั้ง และครั้งนี้มีเจ้าแมวหุ่นยนต์จากอนาคตขวัญใจคนทั่วโลกอย่าง "โดราเอมอน" เป็นทูตโอลิมปิกด้วย
"วิตาลี"เล่นการเมือง
"วิตาลี คลิทช์โก" นักชกชาวยูเครน ประกาศสละตำแหน่งแชมป์โลกเฮฟวีเวทของสภามวยโลก หรือ WBC เพราะต้องการที่จะไปเล่นการเมืองเต็มตัว และคาดว่าเขามีสิทธิได้รับเลือกให้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย โดย วิตาลี ถือเป็นนักมวยที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง เขาชกมา 47 ไฟต์ ชนะ 45 ไฟต์ (น็อก 41) แพ้ 2 ครั้ง ล่าสุดชนะน็อก "มานูเอล ชาร์" เมื่อเดือนกันยายน ปี 2012 ในยกที่ 4 ยอดเยี่ยมพอๆ กับ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก น้องชายของเขาที่เป็นแชมป์โลกเฮฟวีเวทของ 4 สถาบัน ทั้งสมาคมมวยโลก (WBA), องค์กรมวยโลก (WBO) , สหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) และองค์กรมวยนานาชาติ (IBO) ซึ่งงานนี้วิตาลีจะกลับไปชกมวยหรือไม่ เส้นทางทางการเมืองของเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ต้องติดตาม
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ข่าวเด่น