บมจ. โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) ผู้นำเข้า ประกอบ และผลิตชิ้นส่วนใช้ประกอบ ก๊อกน้ำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับประปาและสุขภัณฑ์ เป็นบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ลำดับที่ 15 ของปี ด้วย market capitalization 396 ล้านบาท เริ่มซื้อขาย 23 ธันวาคม นี้

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)  เปิดเผยว่า บมจ. โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 23 ธันวาคม 2556 โดย OCEAN ดำเนินธุรกิจนำเข้า ประกอบ และผลิตชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ประเภทก๊อกน้ำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับประปาและสุขภัณฑ์ ภายใต้ตราสินค้า “DUSS”, “Saza”, “3P”, “Bay”, “Bay-Tex, “Feed”, “Union” และ “Icon”

OCEAN มีทุนชำระแล้ว 110 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 340 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 100 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 16 - 18 ธันวาคม 2556 ในราคาหุ้นละ 0.90 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 90 ล้านบาท มีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายอุชัย วิไลเลิศโภคา กรรมการผู้จัดการ OCEAN เปิดเผยว่า บริษัทยึดหลักการทำงานที่มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพการผลิตและรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สร้างความปลอดภัย และ มีราคาสมเหตุสมผล ตามสโสแกนที่ว่า “DUSS for better life” สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ในการปรับปรุงสายการผลิตที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการขยายพื้นที่โรงงานที่ จังหวัดสิงห์บุรี และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจ


OCEAN มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ นายอุชัย วิไลเลิศโภคา ถือหุ้น 76.00 % กลุ่มครอบครัวงามอรุณโชติ ถือหุ้น 1.27 % และ น.ส. พลอยปภัส สิทธิรุจิโรจน์ ถือหุ้น 0.50 % การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 24.43 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2555 – 30 กันยายน 2556) เท่ากับ 16.21 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40 % ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินบริษัทและเงินสำรองตามกฏหมายตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท

ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th<http://www.sec.or.th> และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.dussthai.com<http://www.dussthai.com> และที่เว็บไซต์ www.mai.or.th<http://www.mai.or.th>