ธนาคารกสิกรไทยวางหมากแบงก์แอสชัวรันซ์ งัดสินค้าใหม่เจาะกลุ่มกลางบน รายได้เกิน 15,000 บาท หวังดึงแรงซื้อประกันชีวิตพุ่ง ชูระบบไอทีใหม่ ขายผ่านแอพลิเคชั่น ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า พร้อมปูพรมอีก 170 สาขาใหม่ สยายปีกเจาะตลาดต่างจังหวัด มั่นใจกวาดเบี้ย 5 หมื่นล้าน รักษาแชมป์แบงก์แอสชัวรันซ์ 

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในราวเดือน เมษายน-พฤษภาคม ธนาคารมีแผนจะออกสินค้าใหม่เข้ามารุกตลาดประกันชีวิตผ่านธนาคาร หรือแบงก์แอสชัวรันซ์เพิ่มขึ้น โดยปีนี้จะเน้นจับตลาดที่มีรายได้ระดับกลางบน วัยทำงาน ด้วยแบบประกันออมทรัพย์ระยะสั้น ที่ให้ผลตอบแทนดีพร้อมกับความคุ้มครองชีวิต และสามารถใช้สิทธิ์ค่าเบี้ยประกันไปหักลดหย่อนภาษีได้ด้วย 

ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง หรือที่ธนาคารกำหนดว่าเป็นเซ็กเมนต์ Middle Income นั้น จะมีรายได้เดือนละตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จนถึงระดับที่มีฐานเงินฝากหรือการลงทุนกับธนาคารไม่เกิน 10 ล้านบาท 

“ปีที่แล้วธนาคารออกสินค้าเข้ามาจับตลาดระดับแมส หรือกลุ่มที่ไม่รายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือน ซึ่งได้ผลตอบรับระดับหนึ่ง ปีนี้จึงตัดสินใจขยับขึ้นสู่ตลาดระดับกลางเพิ่มขึ้น โดยใช้สินค้าประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ระยะสั้น-กลางเข้ามาตอบโจทย์แทน สอดคล้องกับกำลังซื้อที่น่าจะมีความสามารถจ่ายเบี้ยหลักหมื่นบาท รวมถึงผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีนี้ กลุ่มนี้ก็น่าจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบด้านกำลังซื้อมากนัก” 

นายปกรณ์กล่าวอีกว่า นอกจากการออกสินค้าใหม่เพื่อเข้าไปจับตลาดใหม่แล้ว ปีนี้ธนาคารยังมีแผนจะเพิ่มจุดขายเพื่อสร้างความแตกต่างในการนำเสนอแบบประกันชีวิตเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการบริหารเงินและความเสี่ยง ธนาคารยังมีบริการที่ปรึกษาทางการเงิน “K-Expert” ที่คอยให้บริการแนะนำและช่วยวางแผนการเงินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า 

นอกจากนี้ ปีนี้ธนาคารได้เพิ่มระบบการขายผ่านดิจิตอลมากขึ้น โดยใช้แอพลิเคชั่นผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมาเป็นเครื่องมือในการค้นหาความต้องการของลูกค้า ค้นหาและปรับเปลี่ยนรูปแบบของประกันชีวิตที่เหมาะสมกับความต้องการ รวมถึงสามารถส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบเพื่อแจ้งผลการพิจารณารับประกันในเบื้องต้นให้ลูกค้าทราบได้ทันทีก่อนจะส่งสัญญาประกันชีวิตตามไปให้ลูกค้าด้วย ซึ่งเน้นการบริหารประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ 

การเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ที่ธนาคารตั้งเป้าหมายจะเปิดเพิ่มอีก 170 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 975 สาขา จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยขยายตลาดแบงก์แอสชัวรันซ์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดที่ปัจจุบันยังมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 51% นั้น ยังสามารถเติบโตไปได้ถึง 60% เช่นเดียวกับการถือผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ ที่ต่างจังหวัดจะคิดเป็น 60% ปีนี้จึงน่าจะเติบโตจากช่องว่างตรงนี้ได้ 

“กลยุทธ์ทั้งหมดนี้เราวางแผนงานไว้รองรับกับการเติบโตปีนี้ที่น่าจะยังรักษาโมเมนตัมได้ดี หลังจากปีที่แล้วเราสร้างยอดขายเป็นเบี้ยรับรวมได้กว่า 4 หมื่นล้านบาท เติบโต 29% ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจแบงก์แอสชัวรันซ์ และปีนี้ก็ตั้งเป้าหมายจะรักษาตำแหน่งดังกล่าวเอาไว้ โดยตั้งเป้าหมายเบี้ยรับรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท เติบโต 24%” นายปกรณ์กล่าว