อดีตผู้ว่าการธปท.แนะรัฐบาล-นายกฯลาออกเพื่อชาติ ชี้ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อ หากยังดื้อดึง เศรษฐกิจยิ่งแย่ ความเชื่อมั่นยิ่งตกต่ำ ประชาชนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่โกงกิน ด้านรักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังโพสต์ข้อความลงเฟซชี้นายกฯ-รัฐบาลไม่ลาออกเพื่อยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย โวจำนำข้าวทำดีแล้ว ฤดูการผลิตปี56/57 จ่ายเงินจำนำข้าวไปแล้วกว่า 60,000 ล้านบาท 

ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดแถลงข่าวที่สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการดำเนินนโยบายของรัฐบาล โดยแสดงความคิดเห็นว่า หากรัฐบาลยังดื้อดึง เศรษฐกิจจะยิ่งแย่ ความเชื่อมั่นยิ่งตกต่ำ เศรษฐกิจอาจไม่ขยายตัว ประชาชนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่โกงกิน ดังนั้นหากรัฐบาลยอมลาออก ซึ่งทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เศรษฐกิจจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น 

และยอมรับว่า ตนเองได้ทำจดหมายเปิดผนึก 6 หน้ากระดาษ เพื่อส่งถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยย้ำเตือนว่า รัฐบาลชุดนี้ หากยังมีการรักษาการต่อไป เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก รวมไปถึง มีผลกระทบทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย นักท่องเที่ยวลดลง ความเชื่อมั่นนักลงทุนถึงขีดสุด และอัตราการว่างงานอาจเพิ่มสูงขึ้น 

ในขณะที่การเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ได้ตอบโจทย์และมีความไม่เรียบร้อย และอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน ซึ่งหากรัฐบาลรักษาการยังคงรักษาการต่อไป จะทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าที่ผ่านมา 

"แม้ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งเมื่อในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ได้ แต่ยังพบว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศ รวมทั้งจะเรียกความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจได้ ซึ่งเห็นได้จากเศรษฐกิจในภาพรวมยังคงชะลอตัว แนวโน้มการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศมีความเสี่ยงหยุดชะงัก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศลดลง และอัตราการว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงมองว่าหากรัฐบาลยังรักษาการต่อไป จะทำให้เศรษฐกิจของไทยยิ่งแย่ลง" 

ดังนั้น นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำประเทศ ควรลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการและเสียสละให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ และนำคนกลางเข้ามาบริหารประเทศแทน เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับ และปฏิรูปประเทศร่วมกัน ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ 

สำหรับโครงการรับจำนำข้าว และโครงการประชานิมยมอื่นๆ ของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ตนเองถือว่า ประสบกับความล้มเหลว ซึ่งหากยังดึงดันต่อไป ก็เชื่อว่าจะไม่ดีขึ้น และทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลง ซึ่งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ชาวนานั้น รัฐบาลรักษาการต้องเสี่ยงกู้เงินเพิ่ม ซึ่งอาจผิดกฎหมาย เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ ส่วนแนวทางที่ 2  ให้รัฐบาลจ่ายชดเชยส่วนต่างจากต้นทุนการผลิตให้ชาวนา สำหรับข้าวปริมาณ 450,000 ตัน ที่เข้ามาร่วมโครงการ หลังปิดโครงการปี 2555/2556 ที่สิ้นสุดโครงการเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2556 

หลังการออกแถลงการณ์ดังกล่าว นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คตอบโต้จดหมายเปิดผนึกของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ที่ส่งถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แนะนำให้ลาออกเพื่อประเทศชาติ โดยยืนยันว่า ข้อมูลที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเขียนในจดหมายเป็นข้อมูลเก่า ในฤดูการผลิตปี 56/57 นั้น เริ่มโครงการวันที่ 1 ต.ค.56 รัฐบาลสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จ่ายเงินค่าจำนำข้าวไปแล้วกว่า 60,000 ล้านบาท 

แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดจากฝ่ายค้าน ทำให้การอนุมัติใช้งบประมาณประจำปีล่าช้า การบุกยึดกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ และ ส.ส. ฝ่ายค้านลาออกยกพรรค ซึ่งนำไปสู่การยุบสภาฯทำให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายในการจัดหาเงินเพิ่มขึ้น และมีขบวนการในการข่มขู่ทั้งสถาบันการเงินและส่วนราชการที่ทำให้การจัดหาเงินมีความล่าช้า 

แต่กระทรวงการคลังยังคงเดินหน้าที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรี และกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและรอบคอบ กลุ่มผู้โจมตีโครงการนี้ไม่เคยพูดถึงมูลค่าของข้าวที่อยู่ในสต็อก ซึ่งมีมูลค่าอยู่ในตัวเอง รวมทั้งส่วนต่างที่ขาดหายไปนั้นแท้จริงแล้วอยู่ในมือชาวนา 

นายกิตติรัตน์ ระบุด้วยว่า การที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร รวมทั้งผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีคนกลางมาดำเนินการปฏิรูป เป็นแนวคิดที่ละเลยการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ลาออกนั้น เป็นหลักประกันของการคงอยู่ ซึ่งวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 

ทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมโลกว่าประเทศไทยมีระบอบการเมืองการปกครองที่เข้มแข็ง พลเมืองมีความเท่าเทียมกันภายใต้ระบอบประชาธิปไตย มีความอดทนพร้อมที่จะพัฒนาการเมือง การปกครองให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น