อสังหาริมทรัพย์
CBRE เผยที่ดินย่านสุขุมวิทราคาพุ่งสูงปริ๊ด 480% ขณะดีมานด์ยังล้นทะลัก


 

 

 

CBRE ระบุความต้องการที่ดินย่านซีบีดียังล้น แม้การเมืองระอุ เผยผลสำรวจราคาที่ดินรอบ 12 ปี นับจากปี 45 ถึงปัจจุบัน ย่านสุขุมวิทปรับขึ้นสูงสุด 480% อยู่ที่ 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา ตามด้วยสีลม/สาทรราคาขึ้น 400% หรือตารางวาละ 1.4 ล้านบาท ส่วนที่ดินแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ราคาปรับขึ้น 30-50% ต่อปี 

 

 

 

นางกุลวดี สว่างศรี หัวหน้าแผนกการลงทุนและที่ดิน บริษัท ซีบี ริดชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE เปิดเผยว่า แม้ว่าในปัจจุบันจะมีความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้น แต่ความต้องการที่ดินเพื่อการลงทุนในย่านใจกลางธุรกิจ (CBD) ของกรุงเทพฯยังคงมีอีกมาก ทั้งนี้ ปัญหาทางการเมืองยังไม่ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อราคาที่ดินในย่านดังกล่าว เพราะที่ดินแบบมีกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ หรือฟรีโฮลด์ในทำเลใจกลางกรุงเทพฯ นั้นมีจำนวนจำกัด 

 

ในด้านซัพพลาย มีเจ้าของที่ดินเพียงไม่กี่รายที่ต้องการจะขายที่ดิน ทั้งนี้ ที่ดินโดยส่วนใหญ่ถือครองโดยเจ้าของที่มีฐานะซึ่งได้รับที่ดินเป็นมรดกตกทอดมาจากครอบครัว และค่าใช้จ่ายในการถือครองที่ดินก็อยู่ในระดับที่ต่ำมาก เพราะที่ดินส่วนใหญ่เจ้าของมิได้มีภาระในการชำระหนี้ หรือแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีค่าใช้จ่าย หรือแม้แต่ภาษีในการถือครองที่ดิน และไม่มีภาษีมรดก ซึ่งหมายความว่า เจ้าของที่ดินโดยส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องขายที่ดิน ตามปกติแล้วธุรกรรมการซื้อขายจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของที่ดินได้รับข้อเสนอด้านราคาในระดับที่ตนพึงพอใจ 

 

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินได้ปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอด โดยมีแรงขับเคลื่อนมาจากความต้องการของผู้ประกอบการที่ซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งนี้ เพราะผู้ประกอบการในตลาดคอนโดมิเนียมสามารถเสนอซื้อได้ในระดับราคาที่สูงกว่าผู้ประกอบการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น อันเป็นผลมาจากสัดส่วนผลกำไรจากการพัฒนาคอนโดมิเนียมอยู่ในระดับที่สูง และได้รับผลตอบแทนในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น 

 

จากอดีตที่ผ่านมาการลงทุนในที่ดินย่านซีบีดีของกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่สูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ หรือคิดเป็นเฉลี่ยราว 15% ต่อปี สำหรับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจมากพอที่ทำให้ครอบครัวผู้มีฐานะลงทุนซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการเพื่อก่อให้เกิดรายได้แม้ว่าจะได้รับผลตอบแทนในช่วงแรกๆ ในระดับที่ต่ำก็ตาม เพราะให้ความสนใจในมูลค่าของที่ดินที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปมากกว่า 

 

ทั้งนี้ ราคาที่ดินที่มีรูปแปลงเหมาะสมในการพัฒนาโครงการที่ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิทปรับตัวสูงขึ้นมาถึง 480% นับจากปี 2545 มาอยู่ที่ 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งเป็นย่านที่ราคาที่ดินปรับเพิ่มในอัตราที่สูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับทำเลอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ตามมาด้วย ย่านสีลม/สาทร ซึ่งราคาเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 400% มาอยู่ที่ 1.4 ล้านบาทต่อตารางวา ขณะที่ย่านเพลินจิต/ลุมพินี ราคาเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 320% มาอยู่ที่ 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา 

 

นอกจากนี้ ราคาที่ดินในย่านรอบนอกกรุงเทพฯ ได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมากในทำเลที่การก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนสายใหม่ๆ มีความคืบหน้า ซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้มีความต้องการที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมากยิ่งขึ้น เช่น ย่านรัตนาธิเบศร์ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ราคาที่ดินในย่านนี้ได้พุ่งสูงขึ้น 30-50% ต่อปี นับตั้งแต่เริ่มการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งคาดว่า การขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนจะส่งผลต่อราคาที่ดินในทำเลอื่นๆ ของย่านรอบนอกกรุงเทพฯ ในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน 

 

ทำเลย่านซีบีดีจะยังคงเป็นทำเลที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดอยู่ต่อไปสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาโครงการชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า และที่พักอาศัย แม้ที่ดินที่เหมาะสมกับการพัฒนาในทำเลนี้จะมีปริมาณจำกัดก็ตาม 

 

“ความต้องการที่ดินในทำเลใจกลาง CBD ของกรุงเทพฯ ยังมีอยู่มาก แต่ผู้ขายในปัจจุบันจะบอกขายในลักษณะที่เป็นราคาขายในอนาคต เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องรีบเร่งขายที่ดิน เชื่อว่า ตลาดซื้อขายที่ดินจะยังคงเป็นตลาดที่มีความเคลื่อนไหวตลอดในปีนี้หากผู้ขายยินดีที่จะขายตามราคาตลาดในปัจจุบัน” 


LastUpdate 13/02/2557 13:27:49 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 5:10 am