แบงก์-นอนแบงก์
เกียรตินาคินภัทรรุกพัฒนา-เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ บริการธนาคาร-ตลาดทุน ตั้งเป้าปี 57 สินเชื่อโตต่อ 1-2 หลัก


 

 

 

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เผยแผนธุรกิจปี 2557 เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการและธุรกิจใหม่ ๆ สร้างความหลากหลายและเติบโตแก่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ตั้งเป้าสินเชื่อยืดหยุ่นตามเศรษฐกิจ คาดสินเชื่อโตต่อเนื่อง เป็นเลข 1-2 หลัก ภายใต้จีดีพีโต 2.8-4.3% พร้อมจับตาใกล้ชิดคุณภาพสินเชื่อ ด้านธุรกิจตลาดทุนเน้นเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารและตลาดทุนเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า

 

 

 
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภาพรวมการดำเนินงานปี 2556 ว่า  สะท้อนผลการร่วมกิจการระหว่างเกียรตินาคินภัทรเต็มปีอย่างชัดเจน โดยมีผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 30.3% จากปี 2555  รวม 4,418 ล้านบาท  จากรายได้รวม 15,346 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากดอกเบี้ยสัดส่วน 54% และรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการ 46% ที่มาจากทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุน   
 
ในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์สินเชื่อมีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 12.9% อยู่ที่ 190,803 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)อยู่ที่ 3.8%  แต่มีการตั้งสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ 100%  และตั้งสำรองเป็นการทั่วไปที่ 805 ล้านบาทสำหรับรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจ
 
 
 
อย่างไรก็ตามนายอภินันท์ กล่าวว่า แม้ปี 2556 จะมีกำไรแต่มีหลายอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยด้านธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อไม่ดีตามที่คาดหวัง  ซึ่งได้รับผลกระทบหลักมาจากโครงการรถคันแรก ที่ทำให้เกิดความต้องการซื้อรถสูงในปีก่อนหน้านั้น แต่ความต้องการลดลงในปีที่แล้วและยังมีผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ด้วย แต่ไม่ถึงกับขาดทุนและสาเหตุที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร
 
ทั้งนี้ยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศปี 2556 มีจำนวน 1,330,678 คัน ลดลง 7.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  เกียรตินาคินมียอดสินเชื่อเช่าซื้อโต 9.8% จากปี 2555 ที่เติบโตถึง 20% แต่มีNPL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.1% จาก 1.6% ณ สิ้นปี 2555  
ส่วนธุรกิจที่ทำได้ดีเป็นไปตามเป้าคือ ธุรกิจสินเชื่อธุรกิจและธุรกิจบริหารหนี้  โดยสินเชื่อธุรกิจเติบโต 25.8% จากสิ้นปี 2555 ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้านธุรกิจบริหารหนี้มียอดสินทรัพย์รอการขาย 2,777 ล้านบาทและมีกำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายจำนวน 1,081 ล้านบาท
 
นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รายได้รวมปี 2556 ที่ 15,346 ล้านบาท เป็นรายได้จากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ 73% และรายได้จากธุรกิจตลาดทุน 27%  ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจนายหน้า ธุรกิจวาณิชธนกิจ ธุรกิจการลงทุนและธุรกิจจัดการกองทุน ในส่วนของธุรกิจวานิชธนกิจ บล.ภัทรได้ทำธุรกรรมด้านวานิชธนกิจใหญ่หลายรายการ เช่น การเสนอขายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท(BTSGIF) และหุ้นเพิ่มทุนบริษัทเอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก และการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ The Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ,Ltd. ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นต้น ส่วนธุรกิจการลงทุน แบ่งเป็น ธุรกิจค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า การลงทุนและเฮดจ์ฟันด์ ในส่วนธุรกิจจัดการกองทุนภายใต้บลจ.ภัทรมีทรัพย์สินภายใต้การจัดการ 24,725 ล้านบาท
 
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2557 นายอภินันท์เปิดเผยว่า ในส่วนธุรกิจธนาคารพาณิชย์จะเน้นเพิ่มบริการใหม่ ๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และบริการให้หลากหลายขึ้น การปรับเปลี่ยนและฝึกอบรมบุคลากรมาดูแลตามความชำนาญ การปรับช่องทางหรือสาขาที่ให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้นและใช้สาขาให้มีประโยชน์สูงสุด โดยมีแผนปิดบางสาขาตามความเหมาะสมและเปิดสาขาใหม่ ซึ่งจะเปิดสาขาใหม่อีก 3 แห่ง จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 87 แห่งและ ปรับปรุงระบบให้สะดวกรวดเร็ว
 
ขณะเดียวกันยังจะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น เช่น ด้านแบงค์อินชัวรันซ์มีแนวคิดที่จะให้สิทธิ์เป็นคู่ค้า 1-2 รายเป็นระยะเวลายาวขึ้น และยังมีการพัฒนาธุรกิจใหม่ภายใต้สายงานที่จัดตั้งขึ้นในปี 2556 ได้แก่ สายตลาดการเงิน สินเชื่อบรรษัท และสินเชื่อลูกค้าประกอบการ(SME Lending) โดยในส่วนของสายสินเชื่อบรรษัท ที่เป็นการให้บริการสินเชื่อขนาดใหญ่กับฐานลูกค้าในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และบริษัทขนาดใหญ่ คาดว่าจะมีดีลแรกเป็นลูกค้าที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีก
 
ทั้งนี้นายอภินันท์กล่าวต่อว่า  ในส่วนของสินเชื่อนั้นได้ตั้งเป้าให้สอดพ้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน  โดยเดิมตั้งเป้าสินเชื่อรวมของธนาคารไว้ที่ 21% ภายใต้สมมุติฐานว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(GDP) ของปี 2557 จะอยู่ที่ 4.3% (ก่อนจะปรับลดลงเป็น 2.8% ) ซึ่งหาก GDP ต่ำกว่านี้หรืออยู่ที่ระดับคาดการณ์ใหม่ที่ 2.8%   เป็นไปได้ว่า สินเชื่ออาจจะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว โดยในเดือนแรกของปี พบสัญญาณว่า สินเชื่อไม่มีการเติบโต
 
สำหรับสินเชื่อรายย่อยคาดว่า ในปี 2557 นี้จะเติบโตได้ในอัตราที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าสินเชื่อรถเพื่อเงินสด ด้านสินเชื่อธุรกิจ ในส่วนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะเน้นปล่อยกู้ลูกค้าเดิมและโครงการแนวราบ  เพราะสามารถขายได้ประสบความสำเร็จมากกว่า อย่างไรก็ตามได้ย้ำว่า ยังต้องจับตาคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อที่มี NPL เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
ด้านนายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัททุนภัทร จำกัด(มหาชน)และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2556 ธุรกิจตัวกลาง(Agency Business) ประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากในปีที่ผ่านมามีมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวัน(SET และ mai) สูงกว่า 50,000 ล้านบาทบาทต่อวัน โดยบล.เคเคเทรดและบล.ภัทร มีส่วนแบ่งตลาดรวมเท่ากับ 5.69%   สำหรับในปี 2557 บริษัทตั้งเป้าพัฒนาการบริการเพื่อเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารและตลาดทุน เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าในกลุ่มการเงิน  เช่น ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Private Wealth Management) ดังช่วงปลายปี 2556 บล.ภัทรเริ่มให้บริการวางแผนทางการเงินที่เรียกว่า Phatra Edge แก่ลูกค้าที่มีเงินลงทุนตั้งแต่ 2-30 ล้านบาท  รวมทั้งมุ่งพัฒนารักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจวาณิชธนกิจและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สถาบันต่อไป
 
นายกฤติยายังแนะกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและความไม่สงบทางการเมืองว่า ให้เลือกลงทุนในหุ้นบริษัทส่งออก บริษัทที่มีพื้นฐานดีและมีปันผลดี หากลงทุนในตลาดต่างประเทศเน้นตลาดพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐและยุโรป พร้อมแนะเก็บเงินสดหรือขายหุ้นออกเพื่อถือเงินสดไว้ หรือเลือกใช้วิธีฝากเป็นระยะยาว ซื้อตราสารหนี้ที่มีเครดิตรองรับและอสังหาริมทรัพย์ดี ๆ
 
 
 
 
 
 
 
 

LastUpdate 19/02/2557 22:24:33 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 12:40 pm