พฤกษา เรียลเอสเตท ฟันธงตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ ติดลบ 2% จากเดิมคาดตลาดเติบโต 5-10% รับยอดขายช่วงเดือนมกราคมลดฮวบ 20-30% เร่งปรับตัวขยายการลงทุนสู่ต่างจังหวัด พร้อมปรับลดลงทุนโครงการใหม่เหลือ 30-50 โครงการ โฟกัสกลุ่มที่ต้องการซื้อบ้านที่แท้จริง 

ปัญหาการชุมนุมที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เห็นได้จากยอดขายโครงการในช่วงเดือนธันวาคมปีก่อนต่อเนื่องถึงปัจจุบันลดลงเกือบทุกโครงการ ทำให้คาดการณ์ว่าปีนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในช่วงขาลงอย่างแน่นอน หากไม่มีปัจจัยบวกมาทำให้ตลาดเติบโตขึ้น 

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าปีนี้ตลาดที่อยู่อาศัยรวมอาจชะลอตัวลงและติดลบ2% จากผลกระทบด้านปัจจัยลบต่าง ๆ และสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความรุนแรง จากเดิมที่ประเมินว่าตลาดรวมจะเติบโต 5-10% ซึ่งในส่วนของบริษัทก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยยอดจองบ้านใหม่เดือนมกราคมที่ผ่านมาลดลง 20-30% 

แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ทั้งปีไว้ที่ 40,000-42,000 ล้านบาท เนื่องจากมียอดขายรอโอน (แบล็คล็อค) ที่จะทยอยโอนในปีนี้ 20,000 ล้านบาท ซึ่งยอดโอนยังเป็นไปตามปกติ ไม่มีสัญญาณชะลอออกไป จึงคาดว่าจะไม่กระทบต่อรายได้เท่าใดนัก แต่ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมพร้อม และปรับกลยุทธ์ เพื่อรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงเลือกจับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่แท้จริง เป็นหลัก จึงเชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเน้นพัฒนาโครงการแนวราบ คือบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์เป็นหลัก 80% อีกทั้งจะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-สูง และขยายโครงการไปต่างจังหวัดมากขึ้น 

“ประเมินว่า หากถึงกรณีเลวร้ายที่สุด ที่ปัญหาต่าง ๆ ไม่สามารถคลี่คลายลงได้ในครึ่งปีแรก อาจจะส่งผลให้ยอดขายปีนี้มีโอกาสลดลง 8,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ 41,000-45,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ทุก 2 สัปดาห์ แต่หากสามารถผ่านพ้นวิกฤติทางการเมืองไปได้เร็ว คาดว่ากำลังซื้อของผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยจะฟื้นคืนมาช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง” 

ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายการเปิดโครงการใหม่ปีนี้ลง จากเดิมที่วางไว้ 40-50 โครงการ เหลือเพียง 30-50 โครงการ มูลค่า 30,000-50,000 ล้านบาท จากความไม่แน่นอนทางการเมือง ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง โดยจะพัฒนาโครงการแนวราบสัดส่วน 80% และแนวสูง 20% และทั้งหมดนั้นกว่า 90% จะมีราคาเฉลี่ยต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยช่วงราคาที่มีสัดส่วนมากที่สุด 1-3 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกนี้ จะไม่เปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่เลย 

ด้านผลประกอบการปีที่ผ่านมา นับเป็นปีทองของบริษัท เพราะยอดขาย รายได้และกำไรสุทธิ เติบโตสูงที่สุดในรอบ 21 ปี โดยมียอดขาย 41,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% มีรายได้รวม 39,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% และมีกำไรสุทธิ 5,801 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากการปรับกลยุทธ์และโครงสร้างการบริหารงานเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทำให้ขยายตลาดและบริหารงานได้คล่องตัว มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ด้านนายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวว่า รายได้รวมเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 38,848 ล้านบาท และรายได้อื่นๆอีก 193 ล้านบาท โดยมาจากการบริหารการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโรงงานพฤกษา พรีคาสต์ ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ และมีการนำระบบการก่อสร้างบ้านที่มีคุณภาพ (Real Estate Manufacturing :REM) มาใช้ในการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี 2556 ได้ถึง 16,969 ยูนิต แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 13,169 ยูนิต และคอนโดมิเนียม 3,800 ยูนิต ซึ่งนับเป็นสถิติยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่สูงสุดของบริษัทฯ และคาดว่าจะสูงที่สุดในวงการ โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่โอนกรรมสิทธิ์ได้ 12,283 ยูนิต 

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยไทยในปี 2556 เติบโต 4% เมื่อเทียบกับปี 2555 โดยมูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล มีมูลค่าประมาณ 348,536 ล้านบาท สำหรับในปี 2557 นี้คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัย จะเติบโตในกรอบแคบๆ ใกล้เคียงกับปี 2556 แต่หากเกิดผลกระทบด้านปัจจัยลบต่าง ๆ และสถานการณ์มีความรุนแรง คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยอาจจะชะลอตัว