แบงก์-นอนแบงก์
"กรุงศรีฯ" จับมือ "BTMU" กวาดธุรกิจญี่ปุ่นเข้าพอร์ต ช่วยลดต้นทุน-เพิ่มศักยภาพบริการลูกค้าครบวงจร


 

 

กรุงศรีฯ ลั่นผนึก BTMU ต่อยอดธุรกิจ ลดต้นทุนการเงินลงเท่าตลาด เตรียมปูพรมจับลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่น หวังกวาดมาใช้บริการผ่านแบงก์กรุงศรีฯ ซุ่มปั้นระบบบริการธุรกิจไซส์ใหญ่ ตอบโจทย์การเงินครบวงจร พร้อมงัดบริการใหม่ตอบโจทย์การออม-ลงทุน รับมือเศรษฐกิจไทยฝืด

 


 
 
นายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเงินฝาก การลงทุน ประกันภัยและธนบดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารมีแผนจะเพิ่มศักยภาพการบริหารต้นทุนการเงินให้ต่ำลงด้วยการผนึกความร่วมมือกับผู้ถือหุ้นรายใหม่ คือธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (BTMU) ซึ่งมีฐานลูกค้าธุรกิจรายใหญ่จากญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในไทย จึงสามารถต่อยอดความร่วมมือในบริการด้านการเงินไปยังฐานลูกค้าเหล่านี้ได้มากขึ้น และทำให้ต้นทุนต่ำลง

"ปัจจุบันต้นทุนการเงินของเราอยู่สูงกว่า 2% เทียบกับตลาดแล้วอยู่ที่ประมาณ 1.99% แต่แผนซึ่งเราเตรียมทำงานร่วมกับ BTMU น่าจะทำให้เราเข้าไปบริการฐานลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นได้มากขึ้น ตั้งแต่เงินฝาก สินเชื่อ บริการบัญชีเงินเดือน การชำระเงิน รวมถึงบริการสำหรับลูกค้ารายย่อยต่างๆ น่าจะทำให้ต้นทุนการเงินเราขยับต่ำลงมาได้ใกล้เคียงกับอัตราของตลาดภายในระยะ 2 ปีข้างหน้า"

นายกฤษณ์กล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นธนาคารกำลังทำโครงสร้างของบริการทางการเงินที่จะเข้าไปเสนอลูกค้าธุรกิจกลุ่มใหม่ๆ ที่เป็นฐานลูกค้ากลุ่มญี่ปุ่น ซึ่งน่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพนักงานในองค์กรที่ธนาคารต้องเข้าไปบริการราว 5,000-10,000 คน ทำให้การออกแบบโครงสร้างบริการต้องรองรับได้กว้างขึ้น และกลมกลืนไปกับระบบเดิมที่บริษัทเหล่านี้ใช้อยู่ จึงต้องเป็นการปรับเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป 

คาดว่าภายในปีนี้น่าจะมีฐานลูกค้าธุรกิจเข้ามาใช้บริการด้านบัญชีเงินเดือนผ่านระบบของธนาคารกรุงศรีฯ ราว 35,000-37,000 บริษัท ซึ่งเติบโตจากเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือขนาดของบริษัทที่จะเป็นขนาดใหญ่ มีฐานพนักงานจำนวนมากขึ้นแทน

ขณะที่การบริการลูกค้าโดยทั่วไปในปีนี้ นายกฤษณ์ยอมรับว่า เป็นปีที่โจทย์ทางเศรษฐกิจค่อนข้างยากลำบาก เพราะภาวะเศรษฐกิจน่าจะเติบโตชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ซึ่งธนาคารก็ประเมินว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 2.5-3%

การดูแลลูกค้าในปีนี้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ลูกค้าในระดับรายได้ปานกลาง จะเน้นเพิ่มความสะดวกสบายด้านการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์การเงินของทั้งเครือเข้าไปนำเสนอในลักษณะที่ลูกค้าสมัครครั้งเดียวแต่ได้รับข้อเสนอบริการทางการเงินที่ต่อเนื่องไปทั้งแพ็ค ซึ่งธนาคารเพิ่งออกบริการ "Plan Your Money" ที่เป็นบริการข้อมูลทางการเงินต่างๆ ให้ลูกค้ามีทางเลือกการใช้ผลิตภัณฑ์การเงินได้ดีขึ้น

ส่วนลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง ซึ่งมีฐานเงินฝาก การลงทุนหรือสินทรัพย์ต่างๆ อยู่กับธนาคารรวมไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาทนั้น ธนาคารก็จะมีบริการบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งเน้นการให้คำแนะนำด้านการลงทุนแบบส่วนบุคคล เพื่อค้นหาโจทย์ที่ลูกค้าต้องการและช่วยวางแผนให้คำแนะนำได้อย่างเฉพาะเจาะจง 

"ยอมรับว่าปีนี้สภาพตลาดการลงทุนเป็นเรื่องยากมาก ธนาคารก็ต้องปรับรูปแบบคำแนะนำ เช่น เสนอการลงทุนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่กำลังกลับมาฟื้นตัว ก็ถือว่าช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้น หลังจากตลาดหุ้นไทยในเวลานี้ค่อนข้างคาดการณ์ยากมาก" นายกฤษณ์กล่าว
 
 

LastUpdate 27/03/2557 11:35:41 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 7:01 pm