"ไทยพาณิชย์" สั่งปรับยุทธศาสตร์โต เหลือแค่รักษาระดับเท่าตลาด เล็งปีนี้สินเชื่อขยาย 5-6% หลังเศรษฐกิจย่ำแย่ สั่งดูแลลูกค้าใกล้ชิด มั่นใจหนี้เสียสกัดอยู่-ตั้งสำรองตามปกติ พร้อมอนุมัติจ่ายปันผล 5.25 บาทต่อหุ้น
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากปัจจัยทางการเมืองในปีนี้ ทำให้ธนาคารต้องปรับยุทธศาสตร์การเติบโตใหม่ มาเป็นการเติบโตของสินเชื่อในระดับที่ใกล้เคียงกับตลาดเป็นหลัก โดยคาดว่าปีนี้ตลาดสินเชื่อทั้งระบบน่าจะขยายตัวประมาณ 5-6% บนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้กว่า 2%
ทั้งนี้ คาดการณ์อัตราขยายตัวสินเชื่อดังกล่าวถือว่าเป็นทิศทางที่ชะลอตัวลงจากปีก่อนที่สินเชื่อเติบโต 9-10%
"ยุทธศาสตร์นี้เป็นส่ิงที่ต่างจากสถานการณ์ที่ผ่านมา ช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นจังหวะที่เศรษฐกิจดี เราจึงวางยุทธศาสตร์เร่งการเติบโตให้สูงกว่าตลาดมาตลอด แต่ตอนนี้ยอมรับว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป ตลาดน่าจะเติบโตช้าลง ยุทธศาสตร์เราก็ต้องเปลี่ยนตาม"
นางกรรณิกากล่าวอีกว่า สถานการณ์สินเชื่อปีนี้เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยากมาก และค่อนข้างอ่อนไหวไปตามปัจจัยที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะทิศทางการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอลง ก็ทำให้ความต้องการสินเชื่อชะลอตามเช่นกัน จึงเป็นโจทย์ที่ธนาคารต้องพยายามปรับตัวเพื่อรับมือสถานการณ์นี้
ในฐานะสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของประเทศไทย นางกรรณิกา กล่าวว่า ธนาคารจะรับผิดชอบต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกด้าน โดยเฉพาะลูกค้าที่ยอมรับว่าปีนี้อาจจะมีปัญหามากขึ้น ซึ่งธนาคารจะต้องเร่งเข้าไปดูแลช่วยเหลือลูกค้าก่อนจะเกิดปัญหา ด้วยการแยกแยะลูกค้าให้ชัดเจนว่าได้รับผลกระทบจากปัจจัยใด
ถ้าปัญหาเกิดจากปัจจัยทางการเมือง หรือภาวะเศรษฐกิจโดยรวม เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ ก็ต้องช่วยเหลือลูกค้าเพื่อให้ประคับประคองตัวได้ และเมื่อผ่านปัญหานี้ไปได้ก็เชื่อมั่นว่าลูกค้าจะกลับมาทำธุรกิจตามปกติได้ ดังที่เคยเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าหลายรายในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่มาแล้ว
"ปัญหาเรื่องหนี้เสียก็เริ่มมีสัญญาณที่ขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว แต่จนถึงตอนนี้เราก็มั่นใจว่าน่าจะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ส่วนการตั้งสำรองก็คงเป็นไปตามปกติ ปีนี้คงไม่ต้องตั้งรายการสำรองพิเศษ เพราะปีที่แล้วทำไปเยอะมากแล้ว น่าจะเพียงพอ" นางกรรณิกา กล่าว
ขณะที่การประชุมผู้ถือหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ครั้งล่าสุดวันที่ 3 เม.ย. นี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบจ่ายเงินปันผลในอัตรา 5.25 บาทต่อหุ้น สำหรับงวดผลประกอบการปี 2556 ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอีก 0.75 บาทต่อหุ้น
ข่าวเด่น