อสังหาริมทรัพย์
ESTAR เชื่อครึ่งปีหลังตลาดฟื้นตัว ตั้งเป้าโกยยอดขาย 1,800 ล้านบาท


 

ESTAR มั่นใจปัญหาการเมืองคลี่คลาย เชื่อในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาฯฟื้นตัว เดินหน้าเปิดโครงการ“แอมเบอร์” มูลค่า 2,000 ล้านบาท รับกำลังซื้อลูกค้าย่านวงศ์สว่าง ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 1,800 ล้านบาท


 
 
นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงไตรมาสแรก ทั้งภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภาคการส่งออก และภาคอื่นๆที่ได้รับผลกระทบแทบทุกภาคส่วน เพราะปัญหาการเมืองส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการลงทุนของต่างชาติโดยตรง

อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสที่ 2 ตลาดมีแนวโน้มดีขึ้น และมั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ทางการเมืองจะเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น และหากไม่มีสถานการณ์ที่รุนแรง กำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการต่างงัดโปรโมชั่นเพิ่มยอดขายช่วงนี้ และติดตามสถานการณ์ความเป็นไปและเลื่อนการเปิดตัว-การจัดงานมาจากไตรมาสแรก โดยเชื่อว่าภาคอสังหาฯเริ่มส่งสัญญาณทิศทางที่ดีขึ้น เพราะตลาดยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากที่ผู้บริโภคยังคงต้องการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยในเมืองที่ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ BTS หรือ MRT ที่มีการเดินทางสะดวกสบายเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง

 
 
 
สำหรับอีสเทอร์น สตาร์ ในช่วงไตรมาสที่ 2 มีแผนจะเปิดตัวโครงการ “AMBER by Eastern Star” (แอมเบอร์ บาย อีสเทอร์น สตาร์) เป็นคอนโดมิเนียมหรูดีไซน์ทันสมัยสูง 37 ชั้น บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ห้องมี 2 แบบ คือ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 35-57 ตารางเมตร จำนวน 421 ยูนิตและ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 55-76 ตารางเมตร จำนวน 142 ยูนิต รวมทั้งหมด 563 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 80,000 กว่าบาทต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท 
 

 
 
 
 
โครงการมีจุดเด่น ตรงที่ตั้งอยู่ติดกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์ มีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆในย่านเดียวกัน มีสวนสวยภายในโครงการเกือบ 1 ไร่ที่เป็นส่วนตัว พร้อมวิวพาโนรามิคแบบ 270 องศา สระว่ายน้ำระบบเกลือ Infinity Edge โดยในวันที่ 27 เมษายนนี้ จะเปิดพรีเซลให้ลูกค้าที่ลงทะเบียนไว้เลือกห้องที่ต้องการพร้อมราคาพิเศษเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท ทั้งนี้ ในบริเวณแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 10 กว่าโครงการ ตั้งอยูีทั้งใกล้และห่างจากสถานีขึ้นลงรถไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งโครงการที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ราคาขายเฉลี่ย 60,000-100,000 บาทต่อตารางเมตร 

สำหรับยอดรับรู้รายได้ในปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดรับรู้รายได้รวม 1,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 372.8% เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งยอดรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นหลักๆมาจากการโอน 2 โครงการ คือ โครงการ Vantage (แวนเทจ) และโครงการ The Breeze (เดอะบรีซ) มีกำไร 158 ล้านบาท ขณะที่รายได้ที่รอรับรู้ในปีนี้มีอยู่ประมาณ 1,650 ล้านบาท และปี 2558 มีกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมีงบในการซื้อที่ดินเพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาท

โดยในปี 2557 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800 ล้านบาท มาจากการขาย 6 โครงการที่กำลังดำเนินการ คือ 1. โครงการ AMBER (แอมเบอร์) 2. โครงการ StarView (สตาร์วิว) 3. โครงการ The Breeze (เดอะบรีซ) 4. โครงการ Vantage (แวนเทจ) 5. โครงการนาราไนน์ (Nara 9) และ 6. โครงการ The Star Estate@Pattanakarn 

สำหรับกลยุทธ์การตลาด บริษัทมีทั้งแผนเชิงรุกและเชิงรับ โดยวางแผนจัดงานอีเว้นท์ที่สำนักงานขายทุกโครงการในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อกระตุ้นยอดขาย รวมถึงมีแผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นต่างๆผ่านทางป้ายโฆษณา อิเล็กทรอนิกส์ไดเร็คเมล์ สื่อสังคมออนไลน์ E-Newsletter เป็นต้น โดยตั้งงบประมาณส่วนนี้ไว้ประมาณ 55 ล้านบาท รวมถึงเตรียมแผนการกิจกรรม CRM กับลูกบ้านโครงการและ CSR กิจกรรมเพื่อสังคมอีกทางหนึ่งด้วย

LastUpdate 23/04/2557 16:18:30 โดย : Admin
18-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 10:25 am