ธ.ก.ส.มอบโชคต่อที่ 2 คืนกำไรให้เกษตรกรลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกร และชำระหนี้ได้ตามกำหนด ทุก 5,000 บาท ได้รับ 1 สิทธิ์ ลุ้นรับ 217 รางวัล มูลค่า 12.8 ล้านบาท เผยผลการดำเนินงานบัตรสินเชื่อเกษตรกรทะลุเป้า 4 ล้านใบ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจำนวน 28,097 ล้านบาท เล็งขยายฐานลูกค้าบัตรเพิ่มอีก 200,000 ใบ ให้ครอบคลุมเกษตรกรลูกค้าที่เป็นสมาชิกสถาบัน
วันนี้(16 พฤษภาคม 2557) นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และนายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ร่วมเป็นประธานในการจัดกิจกรรมมอบโชคต่อที่ 2 ให้แก่ลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกร พร้อมแถลงข่าวผลการดำเนินงานโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร ประจำปีบัญชี 2556 ณ ลานกิจกรรม ชั้น 11 ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ บางเขน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
นายลักษณ์เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. จัดกิจกรรมมอบโชค ให้แก่ลูกค้าผู้ถือบัตรสินเชื่อเกษตรกร เพื่อตอบแทนลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรและชำระหนี้ตรงตามเวลาที่กำหนด โดยได้จัดกิจกรรมมอบโชคต่อที่ 1 ให้แก่เกษตรกรที่ใช้บัตรซื้อสินค้าจากสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.(สกต.) หรือร้านเครือข่ายของ สกต. โดยสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดต่างๆ จะจัดทำคูปองลุ้นโชค มอบให้กับเกษตรกรลูกค้าที่ซื้อสินค้าครบทุก 1,000 บาท ต่อคูปอง 1 ใบ เพื่อลุ้นรับรางวัลภายในจังหวัด ซึ่งของรางวัลจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ อาทิ ตู้เย็น พัดลม หม้อหุงข้าว อุปกรณ์และเครื่องมือการเกษตร เป็นต้น
สำหรับการมอบโชคต่อที่ 2 เป็นการลุ้นรับรางวัลระดับประเทศ สำหรับเกษตรกรลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกรและชำระหนี้ได้ตามกำหนดทุก 5,000 บาท จะได้รับ 1 สิทธ์ เพื่อลุ้นรับรางวัลรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 3 คัน รถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ 9 คัน รถแทรกเตอร์โตโยต้า 5 คัน รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า 10 คัน สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท จำนวน 20 เส้น และรางวัลอื่นๆรวม 217 รางวัล มูลค่ารวม 12,806,300 บาท โดยธนาคารจะทำการพิมพ์ชื่อ-นามสกุล และหมายเลขบัตรสินเชื่อเกษตรกรของผู้ที่ได้รับสิทธิ์ทุกคน ลงบนกระดาษและตัดเป็นชิ้นส่วนของแต่ละคนตามจำนวนสิทธิ์ที่ได้รับ เพื่อทำการจับรางวัลและประกาศผลผู้ถูกรางวัลทางเว็บไซต์ของธนาคาร www.baac.or.th และทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ฉบับวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยจะมีการประชาสัมพันธ์แจ้งรายชื่อผู้โชคดี ณ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดต่อทางโทรศัพท์แจ้งให้ผู้ได้รับรางวัลทราบเพื่อติดต่อยืนยันรับของรางวัลภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ประกาศผล หากไม่มารับรางวัลภายในกำหนดถือว่าสละสิทธิ์
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ธ.ก.ส. ได้จัดทำบัตรครอบคลุมเกษตรกรลูกค้าทุกกลุ่มอาชีพ พร้อมส่งเสริมร้านค้าให้ขายสินค้าอย่างมีคุณภาพ ราคายุติธรรม ทำให้เกษตรกรใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณและรอบการใช้จ่ายผ่านบัตร ซึ่ง ณ 31 มีนาคม 2557 ธนาคารได้ดำเนินการเปิดใช้งานบัตรสินเชื่อเกษตรกรไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 4,081,201 ใบ มียอดใช้จ่ายผ่านบัตร จำนวน 28,097 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 20,000 ล้านบาท ถึง 40.48 % ซึ่งสินค้าที่เกษตรกรนิยมใช้จ่ายผ่านบัตร คือ ปุ๋ย ร้อยละ 66 รองลงมา คือ น้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 15 เคมีภัณฑ์ ร้อยละ 10 ที่เหลือเป็นเมล็ดพันธุ์และเครื่องมือทางการเกษตร โดยร้อยละ 50 นิยมใช้จ่ายผ่านร้านค้าเอกชน เนื่องจากมีความสะดวกความคุ้นเคยและการบริหารจัดการมีความคล่องตัว รองลงมาร้อยละ 32 เป็นการใช้จ่ายผ่านสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) ที่เหลือเป็นปั๊มน้ำมันและร้านค้าสหกรณ์ทั่วไป โดยมีรายได้จากการดำเนินงานบัตรสินเชื่อในรูปของค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 1 ของจำนวนเงินที่ใช้จ่ายผ่านบัตร จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ คิดเป็นค่าธรรมเนียมสะสมรวม 294 ล้านบาท มีจำนวนลูกหนี้ NPL 8,791 ราย จำนวนเงิน 117.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.46 ทั้งนี้ เนื่องจากเกษตรกรเจ้าของบัตรบางส่วนได้รับผลกระทบจากการที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว และผลกระทบจากอุทกภัยปี 2556
ในส่วนของร้านค้า ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนร้านค้าเพื่อรองรับการใช้จ่ายผ่านบัตรของเกษตรกรที่เพิ่มมากขึ้นจำนวน 12,023 ร้านค้า คิดเป็นร้อยละ 120.3 ของเป้าหมาย 10,000 ร้านค้า และได้เร่งรัดการติดตั้งเครื่อง EDC ให้กับร้านค้าแล้วจำนวน 10,000 ร้านค้า และเพื่อให้ร้านที่ธนาคารรับขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการเป็นร้านที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ในการให้บริการเกษตรกร ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้ส่งเสริมให้ร้านค้าปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐาน Q Shop ตามที่กรมวิชาการเกษตรกำหนดและได้ใบรับรองแล้ว จำนวน 580 ร้านค้า และมีร้านค้าโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรที่ได้รับรางวัลร้านค้าดีเด่น จำนวน 209 ร้านค้า
นายลักษณ์ กล่าวอีกว่า ธ.ก.ส.มีแผนงานพัฒนาคุณภาพและบริการโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรในอนาคต อย่างต่อเนื่อง ทั้งการเพิ่มจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการอีก 20,000 แห่งให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ พร้อมกับการพัฒนาร้านค้าที่มีอยู่ให้ได้มาตรฐาน Q Shop การจัดทำบัตรสินเชื่อเกษตรกรเพิ่มอีก 200,000 ใบ เพื่อให้ทั่วถึงลูกค้าที่ขึ้นทะเบียนใหม่ และจัดทำบัตรสินเชื่อสถาบัน(Corporate Credit Card) ให้ครอบคลุมสมาชิกสถาบันต่างๆ เช่น สหกรณ์ สถาบันการเงินชุมชนและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น พร้อมทั้งมอบสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือบัตร เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคง ทั้งในด้านการผลิต ได้แก่ การหาปัจจัยการผลิตประเภทต่างๆ อาทิ ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช น้ำมันเชื้อเพลิง อุปกรณ์เครื่องมือทางการเกษตรที่มีราคาไม่เกิน 10,000 ต่อชิ้น ตลอดจนการให้บริการทางการเกษตร ในด้านการดำรงชีวิต ได้แก่ การจัดหาเครื่องอุปโภค บริโภค ที่จำเป็น ซึ่งปัจจุบันสามารถใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรซื้อข้าวสารได้ที่สถาบันเกษตรกร และด้านการเงิน ซึ่ง ผู้ถือบัตรสินเชื่อเกษตรกรจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ ปลอดดอกเบี้ย 1 เดือน ได้รับอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี พร้อมชดเชยดอกเบี้ย 4 เดือน สำหรับสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ การชดเชยดอกเบี้ยจากการรูดบัตรซื้อน้ำมันร้อยละ 0.52 ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท เป็นต้น
ข่าวเด่น