ประกันชีวิตยังฮอต เชื่อรักษาแรงเติบโตได้ดี หลังออกสตาร์ท 3 เดือนแรก กวาดเบี้ยกว่า 1.35 แสนล้าน โตพรวด 23% รับอานิสงส์ดอกเบี้ยต่ำ คนหันออมผ่านประกันแทน
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในปีนี้ถือว่ายังมีทิศทางที่ค่อนข้างดีต่อเนื่อง หลังจากช่วง 3 เดือนแรกของปีสามารถสร้างเบี้ยรับรวมได้ถึง 135,173 ล้านบาท เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญที่ทำให้ธุรกิจประกันชีวิตขยายตัวได้ดีแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลงเนื่องจากถูกกระทบจากปัญหาการเมืองก็คือ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์กลับกลายเป็นทางเลือกการออมเงินที่น่าสนใจมากขึ้น เพราะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากพอสมควร และยังยกเว้นภาษีจากดอกเบี้ยด้วย
“ช่วง 3 เดือนแรกเห็นชัดว่าคนไทยหันมาออมเงินผ่านระบบประกันชีวิตมากขึ้น ทั้งแบบจ่ายเบี้ยครั้งเดียว และแบบระยะยาว ช่วยผลักดันให้เบี้ยเติบโตขึ้นดีมาก ขณะเดียวกันแบบประกันในกลุ่มคุ้มครองชีวิตและสุขภาพก็ได้การตอบรับที่ดีเช่นกัน ทิศทางต่อไปก็น่าจะยังดีอยู่ เพราะหลายบริษัทพูดถึงว่ายังรักษาระดับการเติบโตได้ดี แต่ก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป โดยปีนี้สมาคมฯ คาดการณ์เติบโตของเบี้ยประกันชีวิตทั้งระบบไว้ที่ 12%”
นายสาระกล่าวว่า ปัจจัยผลักดันที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจประกันชีวิตช่วงที่เหลือยังเติบโตต่อไปได้นั้น มีทั้งช่องทางขายที่แข็งแกร่งขึ้น ตัวแทนกว่า 3 แสนคน รวมถึงแบงก์แอสชัวรันซ์และการขายตรง ก็เป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น ขณะเดียวกันหลายบริษัทก็ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาทำตลาด ทำให้กิจกรรมการตลาดยังมีอยู่ตลอด
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ก็มีผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจประกันชีวิตเช่นกัน โดยเฉพาะแบบประกันด้านคุ้มครองสินเชื่อที่ชะลอตัวลงไปตามยอดการอนุมัติสินเชื่อด้วย ในช่วง 3 เดือนแรก พบว่าเบี้ยของสินค้ากลุ่มนี้เติบโตติดลบถึง 16% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ขณะที่ผลงานของเมืองไทยประกันชีวิต นายสาระ กล่าวว่า ช่วง 4 เดือนแรกมีเบี้ยรับรวมเติบโตขึ้น 36% แบ่งเป็นเบี้ยจากธุรกิจใหม่ขยาตัว 52% และเบี้ยต่ออายุขยายตัว 24% ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจมาก ขณะเดียวกันก็ได้แรงส่งจากการขายผ่านแบงก์แอสชัวรันซ์ที่ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเน้นที่แบบประกันออมทรัพย์ระยะกลาง-ยาว จ่ายเบี้ยตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป รวมถึงแบบประกันในกลุ่มคุ้มครองแบบตลอดชีพ ซึ่งสนับสนุนการเติบโตได้ดีดังกล่าว
ข่าวเด่น