คปภ. ยันเบี้ยปีนี้โต 13% โกยเบี้ย 7.6 แสนล้านบาท หลังออกสตาร์ท 4 เดือนแรกโตฉิว 15% เชื่อครึ่งปีหลังกำลังซื้อฟื้น หนุนธุรกิจโตขึ้น แจงประกันชีวิตยังสดใส โอกาสพรึ่บ ส่วนประกันวินาศภัยต้องลุยข้ามแดน เจาะตลาด CLMV
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ยังคาดว่าปีนี้เบี้ยประกันภัยทั้งระบบจะเติบโตได้ถึงเป้าหมาย 13% หรือคิดเป็นเบี้ยประกันทั้งระบบไม่น้อยกว่า 7.6 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันชีวิตน่าจะเกิน 5 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน และเบี้ยประกันวินาศภัยก็น่าจะเกิน 2 แสนล้านบาท และน่าจะบรรลุเป้าหมายมูลค่าเบี้ยประกันต่อจีดีพีในระดับ 6% เช่นกัน
ทั้งนี้ ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ คปภ.รายงานมูลค่าเบี้ยของธุรกิจประกันภัยทั้งระบบว่า ขยายตัวขึ้น 15% คิดเป็นเบี้ยทั้งระบบ 237,505 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเบี้ยจากธุรกิจประกันชีวิต 168,994 ล้านบาท ขยายตัว 22% ถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา และเบี้ยจากธุรกิจประกันวินาศภัย 68,510 ล้านบาท ขยายตัว 1.31% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
“โดยภาพรวมตอนนี้ก็ถือว่ายังอยู่ในกรอบที่ คปภ. ประเมินไว้ แม้ว่าการเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากฝั่งประกันชีวิตเป็นหลัก แต่นี่ก็ยังเป็นเพียงสัญญาณแรกที่เกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนเท่านั้น จึงยังเหลือเวลาอีก 8 เดือนที่ธุรกิจจะต้องพยายามรักษาโมเมนตัมการเติบโตให้วิ่งต่อไปได้ รวมถึงในฝั่งประกันวินาศภัยที่ต้องพยายามหาช่องทางขยายตลาดให้เพิ่มขึ้นเช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง นายประเวช ประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น หลังเริ่มเห็นสัญญาณของเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางบวก การจ่ายเงินในโครงการจำนำข้าวทำให้สภาพคล่องในตลาดต่างจังหวัดเริ่มดีขึ้น ส่งผลถึงการใช้จ่ายและภาพรวมเศรษฐกิจที่จะดีตามมา
ทั้งนี้ สำหรับประกันชีวิตนั้นมองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้ดีอยู่ และครึ่งปีหลังก็ยังเป็นช่วงที่มียอดขายมากกว่าครึ่งปีแรกอยู่แล้ว รวมถึงอัตราการถือครองกรมธรรม์ก็ยังไม่สูงมาก ขณะที่ประกันวินาศภัยน่าจะต้องหันไปขยายตลาดในกลุ่มที่ไม่ใช่รถยนต์เพิ่มขึ้น ทั้งประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพ รวมถึงต้องขยายตลาดออกไปสู่นอกประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในลักษณะประกันภัยข้ามแดนในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) ซึ่งผู้ประกอบการยังมีน้อย และมีฐานประชากรรวมกว่า 300 ล้านคน
“ธุรกิจประกันวินาศภัยถ้าจะมองโอกาสการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน ก็ต้องมองหาลู่ทางใหม่ๆ โดยเฉพาะออกไปในต่างประเทศ เช่น ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ ซึ่งยังมีผู้ให้บริการประกันภัยน้อย หรือจะนำแบบประกันในกลุ่มอุบัติเหตุและสุขภาพออกไปก็น่าสนใจ เพราะธุรกิจบริการด้านสุขภาพของไทยก็แข็งแกร่งมากในอาเซียน เป็นจุดที่เสริมกันอยู่แล้ว ฉะนั้น ตรงนี้ผู้ประกอบการต้องมองข้ามช็อตไปได้แล้ว” นายประเวช กล่าว
.jpg)
ข่าวเด่น