หุ้นทอง
หลักทรัพย์บัวหลวงเผยนักลงทุนเก็งกำไร DW คึกคักหลังการเมืองคลี่คลายแนะควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง


หลักทรัพย์บัวหลวงเผยการเมืองคลี่คลาย นักลงทุนแห่เก็งกำไร DW คึกคักจนราคาอาจพุ่งเกินจริง แนะนักลงทุนหากมองผิดทางควรรักษาวินัยด้วยการขายตัดขาดทุน พร้อมส่ง 24 ตัวใหม่ อ้างอิง 13 หลักทรัพย์ลุยตลาด 4 ก.ค.นี้ ชู 3 หุ้นอ้างอิงใหม่ BMCL, GFPT, SPCG มีปัจจัยหนุน


 
              นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนมิถุนายนมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant: DW) มากขึ้น ทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ DW ทั้งระบบในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 891 ล้านบาท  หรือคิดเป็น 1.93% ของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 670 ล้านบาท คิดเป็น 1.68%ของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ  โดย DW ที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่หุ้น TRUE, ADVANC, DTAC, TTA, AOT มีปริมาณการซื้อขายรวมสูงถึง 378 ล้านบาทต่อวัน โดยหลักทรัพย์บัวหลวงยังสามารถครองส่วนแบ่งการตลาด DW เป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 54.2%

                “ช่วงที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร DW กันมาก ทำให้บริษัทผู้ออก DW ที่ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่องไปด้วยนั้น ได้กระจายขาย DW บางตัวให้กับนักลงทุนเกือบครบจำนวนที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ในระยะสั้น ผู้ดูแลสภาพคล่องไม่สามารถปรับราคาซื้อขาย DW บางตัวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ อาจทำให้ DW มีราคาซื้อขายสูงเกินความเป็นจริง บริษัทจึงขอแนะนำให้นักลงทุนลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยตรวจสอบราคาที่เหมาะสม (Indicative Price) ก่อนการเลือกซื้อทุกครั้งเพื่อป้องกันปัญหาการซื้อ DW ที่แพงกว่ามูลค่าที่แท้จริง รวมทั้งนักลงทุนควรรักษาวินัยในการลงทุนอย่างเข้มงวด เช่น กำหนดจุดขาดทุนจากการลงทุน และขายตัดขาดทุนเมื่อราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เนื่องจาก DW มีการเสื่อมค่า จึงไม่เหมาะกับการถือรอเหมือนหุ้นทั่วไป  ซึ่งนักลงทุนสามารถติดตามข่าวสารการลงทุน ราคาที่เหมาะสม ตลอดจนเครื่องมือการวิเคราะห์การลงทุน DW แบบมืออาชีพได้ที่ www.blswarrant.com”นายบรรณรงค์ กล่าว

                นายบรรณรงค์กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับภาพรวมการซื้อขาย DW ที่อ้างอิงกับดัชนีหลักทรัพย์ (Index DW) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกขายในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นเครื่องมือช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ในภาพรวมตลาด โดยไม่ต้องวิเคราะห์หุ้นรายตัว นอกจากนี้ ยังให้ผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนใน ETF ที่อ้างอิงกับดัชนีหลักทรัพย์  กว่า 5-10 เท่า  ปัจจุบัน ปริมาณการซื้อขาย Index DW เฉลี่ยต่อวันสูงถึง 113 
ล้านบาทหรือคิดเป็น 12.7%ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งระบบ

                ทั้งนี้ นักลงทุนที่ต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Index DW สามารถเข้าร่วมสัมมนาในหัวข้อ “จับจังหวะทำกำไรใน SET50 Index DW ด้วย Technical Analysis” ในวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2557 เวลา 13.00-16.30 น. ที่ บัวหลวงอินเวสเมนท์สเตชั่น ชั้น 4 อาคารซิลลิคเฮ้าส์ ถนนสีลม ลงทะเบียนฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่ www.bualuang.co.th/investmentstation

                นายบรรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ บริษัทได้เตรียมเสนอขาย DW จำนวน 24 ตัวใหม่ อ้างอิง 13 หลักทรัพย์เข้าซื้อขายพร้อมกัน  โดยเป็น DW ในหุ้นอ้างอิงตัวใหม่ 3 รุ่น ซึ่งเป็นประเภท Call ในหุ้นบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL01C1412A) หุ้นบริษัท จีเอฟพีที (GFPT01C1412A) และหุ้นบริษัท เอสพีซีจี (SPCG01C1412A) ซึ่งมีพื้นฐานดีและมีปัจจัยสนับสนุน เชื่อว่าจะดึงดูดนักลงทุนได้ ส่วนที่เหลือ 21 รุ่น รองรับ DW ที่กำลังหมดอายุในเดือนกรกฎาคม 2557 ได้แก่ AMAT01C1412A, AMAT01P1412A, CK01C1412A, CK01P1412A, HMPR01C1412A, HMPR01P1412A, ITD01C1412A , ITD01P1412A, LH01C1412A, LH01P1412A, SIRI01C1412A, SIRI01P1412A, STEC01C1412A, STEC01P1412A, TRUE01C1412A และ TRUE01P1412A โดยจะหมดอายุเดือนสิงหาคม คือ S5001C1409A และ S5001P1409A โดย DW ที่ออกใหม่มีอายุ 6 เดือน ยกเว้น S5001C1409A และ S5001P1409A

                ด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง คาดว่าหุ้น GFPT ยังสามารถรักษาระดับกำไรสุทธิที่มากกว่า 400 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2557 และแนวโน้มในไตรมาส 2-3 จะเป็นไตรมาสที่มีการส่งออกไก่ไปยังประเทศญี่ปุ่นได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณขายของ GFPT และช่วยชดเชยกับต้นทุนการเลี้ยงไก่อย่างรวดเร็วและราคากากถั่วเหลืองเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัทร่วมอย่าง GFN คาดว่าผลประกอบการยังขยายตัวได้ต่อเนื่องหลังจากมีการลงทุนเพิ่มไลน์การผลิตในปีนี้ ทำให้มีความสามารถในการผลิตไก่ได้เพิ่มเป็น 2,000 ตัน/เดือน

                สำหรับ SPCG นั้นคาดว่าปีนี้กำไรสุทธิจะเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนที่ทำได้ 499 ล้านบาท หลังจากจะเริ่มมีการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ครบทั้ง 36 โครงการ กำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ ได้ในช่วงปลายไตรมาส 2 ปีนี้   

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ก.ค. 2557 เวลา : 19:13:26
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 2:50 am