อสังหาริมทรัพย์
บิ๊กพฤกษา ฟันธง ตลาดอสังหาฯปีนี้ โตติดลบ 7.2%


 

"ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" บอสใหญ่ค่ายพฤกษา ฟันธงตลาดอสังหาฯหดตัว ยอดขายรวมวูบ 7.2% เหตุติดหล่มการเมือง เศรษฐกิจชะลอตัว เชื่อครึ่งปีหลังกำลังซื้อดีดกลับ


 
 
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯและปริมณฑลปีนี้มีแนวโน้มเติบโตลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือมีมูลค่าตลาดรวม 323,300 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ 348,536 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมือง แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีเติบโตได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีหลังของปี 2556 จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นกลับคืนมาแล้ว หลังการเมืองสงบขึ้น หรือมีโครงการเปิดใหม่ 276,127 ล้านบาท ลดลง 28.4% จากปีก่อนที่ 385,447 ล้านบาท

ในส่วนของบริษัทได้ปรับเพิ่มทั้งเป้าหมายยอดขายเป็น 43,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้เป็น 42,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 73 โครงการ รวมมูลค่า 72,400 ล้านบาท เป็นแนวราบ 80% และแนวสูง 20% ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เปิดโครงการใหม่แล้ว 38 โครงการ รวมมูลค่า 31,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีรายได้ช่วงครึ่งปีแรก 18,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.7% มีรายได้ 15,336 ล้านบาท มีกำไรสุทธิสูงถึง 2,935 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 2,182 ล้านบาท 

โดยรายได้หลักยังคงมาจากสินค้าในกลุ่มทาวน์เฮาส์ สูงถึง 60% บ้านเดี่ยว 23% คอนโดมิเนียม 16% และจากโครงการในต่างประเทศ 1% ซึ่งถือว่าบริษัทยังรักษาระดับการเติบโตได้เป็นอย่างดี แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว จากภาวะวิกฤติทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม

ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดขายอยู่ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 รวม 176 โครงการ มูลค่า 73,000 ล้านบาท และมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 อีก 35 โครงการ มูลค่า 41,400 ล้านบาท

 
 
 
ด้าน นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวว่า มั่นใจว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะทำยอดขายและรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะได้จับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง อีกทั้งยังใช้กลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าไปยังประเภทต่าง ๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมทั้งหันมาจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีรายได้สูงขึ้น จากราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทเป็น 1-3 ล้านบาท และโดยเฉพาะกลุ่มบ้านเดี่ยวจากกลุ่มลูกค้า 1-3 ล้านบาท เป็น 3-5 ล้านบาท และเพิ่มสัดส่วนโครงการในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เช่น เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต เป็นต้น 

ขณะเดียวกันก็เน้นการบริหารรอบธุรกิจ เพื่อให้บริษัทรับรู้รายได้เร็วขึ้น และลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ เช่น ลดรอบการทำธุรกิจบ้านแนวราบจากเดิม 146 วัน เหลือเพียง 96 วันเท่านั้น จากการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ ซึ่งนอกจากจะทำให้ลดเวลาก่อสร้าง แล้วยังบริหารต้นทุนได้ดี เป็นการก่อสร้างด้วยระบบ REM (Real Estate Manufacturing) รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ Precast สำหรับบ้านแนวราบ ส่งผลให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพ ลดระยะเวลาการก่อสร้าง และสามารถบริหารต้นทุนได้เป็นอย่างดี โดยล่าสุดได้พัฒนาระบบห้องน้ำสำเร็จรูปที่หล่อมาจากโรงงาน Pruksa Precast เพื่อนำมาใช้กับคอนโดมิเนียมแล้วบางโครงการ และมีแผนจะนำไปใช้กับโครงการทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยวในอนาคตด้วย
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ส.ค. 2557 เวลา : 00:03:12
23-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 23, 2024, 7:57 pm