ตลาดนักเตะของยุโรปช่วงแรกปิดลงแล้ว คนที่สร้างความฮือฮาที่สุดก็คือ "ราดาเมล ฟัลเกา" กองหน้าฝีเท้าระดับโลก ซึ่ง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ยืมตัวมาจากโมนาโกของฝรั่งเศส โดยต้องจ่ายค่าจ้าง 346,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (รวมภาษี)
การย้ายทีมของฟัลเกาส่งผลกระทบต่อเนื่องที่น่าสนใจ แต่สิ่งเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายกว่าเสียอีก ก็คือ "แดนนี่ เวลเบ็ก" ตัดสินใจย้ายหนีทีมปิศาจแดงไปอยู่กับอาร์เซนอล คู่แข่งร่วมพรีเมียร์ลีก
การตัดสินใจของ "เวลเบ็ก" ถือเป็นการขอไปตายดาบหน้า เพราะมองอนาคตในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดมืดมน ตำแหน่งศูนย์หน้า มีทั้ง ฟัลเกา,เวย์น รูนีย์ และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี หากจะฉีกตัวออกไปทางริมเส้น แมนฯ ยูฯก็เพิ่งซื้อ "อังเคล ดิ มาเรีย" ตัวทีมชาติอาร์เจนตินามาร่วมทีม
ย้ายสู่อาร์เซนอล ซึ่งเป็นทีมระดับลุ้นแชมป์ แถมทีมได้ไปเตะแชมเปียนส์ลีก การแย่งชิงตำแหน่งกองหน้ายังเป็นไปได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ "โอลิวิเยร์ ชิรูด์" ศูนย์หน้าตัวหลักบาดเจ็บหนักและต้องพัก ซึ่งอาจต้องพักถึงเดือนมกราคมปีหน้า
สำหรับอาร์เซนอล ใครจะบอกว่าเข้าตาจนแล้วถึงซื้อ "เวลเบ็ก" ก็ตาม "อาร์แซน เวงเกอร์" ผู้จัดการทีมจอมปั้นก็ต้องเห็นข้อดึในตัวของเวลเบ็ก มิฉะนั้นคงไม่ยอมจ่าย 16 ล้านปอนด์ซื้อตัวมา
กองหน้าทีมชาติอังกฤษรายนี้ มีคุณสมบัติของผู้เล่นชั้นยอด ร่างกายแข็งแกร่งแต่มีความคล่องตัวสูง และมีความเร็วจัด และด้วยอายุเพียง 23 ปี เขาสามารถพัฒนาฝีเท้าให้โดดเด่นขึ้นหากมีคนชี้แนะที่ดี แก้ไขจุดอ่อนในเรื่องของการใช้โอกาสเปลือง และขัดเกลาเรื่องทักษะให้เนียนกว่านี้ ซึ่ง เวงเกอร์ คือ คนหนึ่งที่สามารถทำได้ โดยมีตัวอย่างให้เห็นแล้วในกรณีของ "เธียร์รี อองรี" ซึ่งต่อมากลายเป็นนักเตะระดับตำนานของสโมสร
"เวลเบ็ก" คงไม่อยากถูกตั้งฉายาว่า "อองรี 2" เพราะเขาต้องการเป็นเวลเบ็กหนึ่งเดียวมากกว่า ที่นี่เขามีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่ในตำแหน่งศูนย์หน้า ซึ่งมีอิสระในการเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ เรียกว่าเป็นศูนย์หน้าแบบจรยุทธ์ "อองรีโมเดล"
วัตถุดิบที่กำลังรอเจียระไน อย่าง "เวลเบ็ก" จะถูกสกัดออกมาเป็น "เพชร" หรือแค่เศษหิน เป็นเรื่องน่าติดตามอย่างยิ่ง เพราะมันส่งผลถึงสถานการณ์แย่งแชมป์ในพรีเมียร์ลีกด้วย
ข่าวเด่น