กสิกรไทย จับมือ “เมืองไทยประกันภัย” รุกหนักแบงก์แอสชัวรันซ์ ตั้งธง 3 ปีขึ้นแท่นแชมป์ ปั๊มเบี้ย 5 พันล้านบาท ล่าสุดประเดิม 11 โปรดักต์ประกัน รุกตอบโจทย์ลูกค้ารายย่อย ชูประกันรถชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้นแค่ 13,400 บาท
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับ บมจ.เมืองไทยประกันภัย รุกขยายตลาดแบงก์แอสชัวรันซ์อย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นตั้งเป้าหมายรุกตลาดเพื่อสร้างเบี้ยให้ได้ถึง 2,000 ล้านบาทในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ธนาคารเป็นผู้นำตลาดแบงก์แอสชัวรันซ์ในฝั่งประกันวินาศภัยอย่างชัดเจน หลังจากทำได้ในตลาดประกันชีวิตแล้ว
ด้วยความร่วมมือระหว่างกันนี้ ล่าสุด ธนาคารได้เปิดตัวแบบประกันที่นำมาขายผ่านช่องทางสาขาทั้งหมด 11 แบบ มีทั้งประกันภัยรถยนต์แบบชั้น 1 ชั้น 3 และ 3 พลัส ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล สำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น ลูกค้าทั่วไป วัยเด็ก วัยสูงอายุ และผู้บริหารที่ให้ทุนประกันสูงสุดถึง 10 ล้านบาท และประกันสุขภาพแบบต่างๆ
“ตลาดประกันวินาศภัยในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ปัจจุบันมูลค่าเบี้ยประกันวินาศภัยต่อจีดีพี คิดเป็น 1.7% เท่านั้น เทียบกับในต่างประเทศและค่าเฉลี่ยซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2.5% ฉะนั้นตลาดประเทศไทยก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเราจะใช้เครือข่ายของธนาคารกสิกรไทยที่มีอยู่กว่า 1,000 สาขาเป็นช่องทางทำตลาด และมั่นใจว่าเราจะไปสู่ตำแหน่งผู้นำตลาดนี้ได้ในอนาคต”
ด้าน นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันภัย กล่าวว่า กลยุทธ์การขายผ่านแบงก์แอสชัวรันซ์ บริษัทจะเน้นแบบประกันที่ออกแบบพิเศษให้ซื้อง่าย-ขายง่าย เงื่อนไขไม่ซับซ้อน และราคาไม่แพง ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้ทันที โดยมั่นใจว่าความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยเพื่อรุกตลาดอย่างจริงจังในครั้งนี้จะทำให้ปีนี้มีเบี้ยจากช่องทางนี้ราว 2,000 ล้านบาทนั้น คิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของเบี้ยรับในปีนี้ที่ตั้งเป้าหมายไว้ราว 10,000 ล้านบาท
สินค้าเด่นของบริษัทที่เปิดตัวในครั้งนี้อยู่ที่ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่เน้นซื้อง่ายโดยไม่ต้องตรวจสภาพรถ ให้ทุนประกันสูงสุดถึง 8 แสนบาท ไม่มีเงื่อนไขค่าเสียหายส่วนแรก และกรณีส่งรถเข้าซ่อม ก็จะได้รับเงินชดเชยถึง 5,000 บาท/ครั้ง รวมถึงยังได้รับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนแบบไม่จำกัดจำนวนครั้งในโครงการ “เมืองไทย ยิ้มได้ เมื่อรถเสีย” อีกด้วย ราคาเบี้ยเริ่มต้นเพียง 13,400 บาท
“เรามองว่าตรงนี้เป็นโอกาสที่จะขยายตลาดได้มากขึ้น ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้เราจะเติบโตได้ตามเป้าหมายเบี้ยกว่า 1 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าจะโตได้เกิน 10% แน่นอน แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยเติบโตมากนัก แต่ปีนี้เรากำหนดกลยุทธ์ได้ค่อนข้างชัดเจนและยังสามารถเติบโตได้ดังกล่าว” นางนวลพรรณกล่าว
ข่าวเด่น