ปิดฉากลงอย่างสวยงาม สำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 31 ซึ่งจัดโดย 3 สมาคมใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย เมื่อวันที่ 9 - 12 ตุลาคม 2557 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิรกิติ์ โดยภายในงานได้รวบรวมผู้ประกอบการกว่า 200 ราย กว่า 600 โครงการ มาร่วมออกบูธ ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค มาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยกันจำนวนมาก

 
นายปรีชา กุลไพศาลธรรม ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 31 เปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในด้านยอดจองซื้อ แม้ตลอด 4 วัน จะมียอดผู้เข้าชมงานลดลงประมาณ 20% หากเทียบกับครั้งก่อนที่มีมากกว่า 1 แสนคน แต่ยอดจองซื้อที่อยู่อาศัยภายในงานครั้งนี้ไม่ได้ลดลงตามจำนวนผู้เข้าร่วมงาน แต่กลับเพิ่มขึ้นกว่า 20 %

 
โครงการที่อยู่อาศัยท่ีได้รับความสนใจจองซื้อมากที่สุด ยังคงเป็นคอนโดมิเนียมกว่า 75.89% รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว 14.12% ทาวน์เฮาส์ 8.47% ที่เหลือเป็นบ้านแฝดและอื่น ๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน และคาดว่าหลังจากจบงานจะมียอดขายตามมาอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อรวมกับยอดขายในงานไม่น่าจะต่ำกว่า 4,500 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม การจัดงานครั้งนี้ ได้มีการตั้งข้อสังเกตุว่า แม้ว่ายอดคนเดินในงานจะลดลง แต่ยอดขายกลับไม่ได้ลดลงและมีอัตราเติบโตกว่าครั้งท่ีแล้ว แสดงว่ากลุ่มคนเดินงานเป็นกลุ่มคนที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่มาร่วมออกบูธ ต่างก็แข่งขันกันจัดแคมเปญลดแลกแจกแถมและโปรโมชั่นพิเศษมาสร้างแรงดึงดูดความสนใจของลูกค้ากันอย่างคึกคัก รวมถึงงัดกลยุทธ์ด้านการให้บริการสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ เป็นอีกปัจจัยที่สามารถสร้างแรงจูงใจลูกค้าให้เกิดการตัดสินใจซื้ออีกทางหนึ่งด้วย

 
ด้านการประมวลผลข้อมูลผู้ลงทะเบียนเข้าชมงาน ผู้เข้าชมงานกว่า 43% เป็นผู้ที่เคยมาเข้าชมงานในครั้งก่อน และอีกประมาณ 57% เป็นผู้เข้าชมงานมหกรรมฯเป็นครั้งแรก ผู้เข้าชมงานกว่า 55% มีอาชีพเป็นพนักงานเอกชน รองลงเป็นเจ้าของกิจการ 12% ที่เหลือมีอาชีพรับราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจและค้าขายอิสระในสัดส่วนใกล้เคียงกัน

ส่วนรายได้ต่อเดือน พบว่าส่วนใหญ่ มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท สัดส่วน 43% มีรายได้ระหว่าง 30,000 – 50,000 บาท สัดส่วน 31% และมีรายได้เกิน 50,000 บาท สัดส่วน 10 % นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ 87% ต้องการซื้อที่อยูอาศัยใหม่ โดยมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร กว่า 61% รองลงมา คือนนทบุรี ประมาณ 11% และ 5 จังหวัดปริมณฑล ประมาณ 6% 

 
ลักษณะที่อยู่อาศัยในปัจจุบันของผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว 36% ทาวน์เฮาส์ 17% คอนโดมิเนียม 16% ที่เลือกเป็นหอพัก, แฟลต, อพาร์ทเมนท์ ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือ 4-6% ส่วนประเภทที่อยู่อาศัยที่จะซื้อในอนาคต 87% ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ และ 13% เป็นบ้านมือสอง สำหรับระยะเวลาที่ต้องการซื้อในอนาคต 1-2 ปี 24% ระยะเวลา 6-12 เดือน 18% และระยะเวลา 1-3 เดือน 15% 

ด้านผลสำรวจดัานงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ละปะเภทเรียงลำดับตามความต้องการ คือ ความต้องการที่อยู่อาศัย ระดับราคา 1-2 ล้านบาท 36% ราคา 2-3 ล้านบาท 26% ราคา 3-4 ล้านบาท 15% และราคา 4-6 ล้านบาท 10% และราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท 8%