อสังหาริมทรัพย์
"มั่นคงเคหะการ" หั่นเป้ายอดขาย หนีไม่พ้นพิษการเมือง


"มั่นคงเคหะการ" จำใจหั่นเป้ายอดขายเหลือ 2,500-2,600 ล้านบาท หลังโครงการชวนชื่น เอกชัย-บางบอน ก่อสร้างล่าช้า 


 
 
 
นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้ายอดขายปีนี้ลงเหลือ 2,500-2,600 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,800 ล้านบาท รวมทั้งปรับลดเป้ารายได้ลง 5% เหลือ 2,600-2,700 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ 2,800-2,900 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบการก่อสร้างโครงการบ้านเดี่ยวชวนชื่น เอกชัย-บางบอน ล่าช้า ส่งผลให้ต้องมีการเลื่อนเปิดโครงการจากปีนี้ไปเป็นไตรมาสแรกของปี 2558 ประกอบกับ บริษัทได้รับผลกระทบยอดขายชะลอตัวในครึ่งปีแรกจากความไม่สงบทางการเมือง ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ

 
 
 
โดยคาดปีนี้คาดว่าจะเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท จากแผนงานเดิมที่กำหนดจะเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ คือ โครงการคอนโดมิเนียมโมดัส วิภาวดี เฟสใหม่ มูลค่า 2,200 ล้านบาท ในเดือนพฤศจิกายนนี้

"จากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกไม่เติบโต และโครงการที่จะเปิดใหม่ในปีนี้ ก่อสร้างล่าช้าทำให้ต้องเลื่อนออกไป เราจึงเห็นว่าควรจะปรับลดเป้าหมายยอดขายลดลง"นางสาวชุติมา กล่าว

 
 
 
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายและบริการ ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้จำนวน 674.32 ล้านบาท ลดลง 8.54% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปีนี้ไม่มีการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมเหมือนปีที่ผ่านมา แต่เพิ่มสูงขึ้น 32.64% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ส่วนหนึ่งของรายได้ที่รับรู้ในไตรมาสนี้ จำนวน 59.54 ล้านบาท เป็นค่าเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน ซึ่งมีผลทำให้ที่ดินของบริษัทฯ ติดถนนเส้นดังกล่าวเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ใช้ทางเข้าจากถนนวิภาวดีรังสิต อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังไม่ได้รับชำระค่าทดแทนที่ดินดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณของกรุงเทพมหานคร จึงได้บันทึกบัญชีเป็นลูกหนี้เวนคืนที่ดินเป็นทางหลวง

ในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯมีกำไรเบื้องต้น 282.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.03% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 252.44 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 42.61% จากไตรมาสที่ผ่านมาที่มีกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 198.32 ล้านบาท ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการจัดสรรที่สูงกว่าคอนโดมิเนียม ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรเบื้องต้น ในไตรมาสนี้เท่ากับ 41.94% สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีการโอนคอนโดมิเนียมนั้นอยู่ที่ 34.24% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 39.01%

สำหรับงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีกำไรเบื้องต้น 643.36 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนกำไรเบื้องต้น 40.10% สูงกว่าปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ 34.18% ด้วยปัจจัยของคอนโดมิเนียมที่ได้กล่าวข้างต้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 312.83 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 314.56 ล้านบาท ของปีที่ผ่านมา

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 พ.ย. 2557 เวลา : 06:45:54
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 7:39 am