อสังหาริมทรัพย์
สมาคมอาคารชุดไทย ฟันธง "ตลาดอสังหาฯดิ่งเหว" ตลาดรวมติดลบถึง 11%


สมาคมอาคารชุดไทย เผย"ราคาที่ดินสูง ต้นทุนแพง" ลดความร้อนแรงของตลาด เชื่อปีหน้า ตลาดอสังหาฯถูกครองโดยผู้ประกอบการรายใหญ่

 
 
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยในงานสัมมนา "เมกะโปรเจ็กต์ระบบราง พลิกโฉมอสังหาฯไทย" ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปีนี้ มีมูลค่า 310,000 ล้านบาท ติดลบ 11% โดยตลาดคอนโดมิเนียมติดลบมากที่สุดถึง 19% ขณะที่ทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวนั้นติดลบไม่มากนัก พร้อมทั้งประเมินว่าตลาดรวมปี 2558 จะมีมูลค่าประมาณ 315,000 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 0-5% เท่านั้น เนื่องจากมีปัจจัยลบจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นมาก รวมทั้งต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น แต่ถือว่าส่งผลดีต่อตลาดรวม เพราะจะช่วยลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2556 ที่เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งจะช่วยลดผลกระทบจากภาวะสินค้าล้นตลาดได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ตลาดรวมติดลบ 16% จากปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 นี้ โดยผู้ประกอบการมีการเปิดตัวโครงการใหม่ ติดลบ 11% สอดคล้องกับยอดขายที่ติดลบเช่นกัน จึงเป็นการชะลอความร้อนแรงของตลาดได้ระดับหนึ่ง 

โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่เปิดตัวโครงการต่าง ๆ จำนวนมาก ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 10 แห่งแรก มีส่วนแบ่งทางการตลาดไปแล้วกว่า 52% โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่ถูกครองตลาดโดยรายใหญ่ และปี 2558 จะเป็นปีของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เป็นหลัก ที่จะนำที่ดินที่มีอยู่แล้วออกมาพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ

 
 
 
“ปีที่ผ่านมามีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมจำนวนมาก ซึ่งจะแล้วเสร็จและโอนกันในปี 2558 โดยมีงานรอโอนถึง 190,000 ล้านบาท (แบล็ค ล็อค) จึงไม่น่ากังวลต่อตลาดดังกล่าว เพราะด้านผู้ประกอบการถือว่าเป็นปีแห่งการรับรู้รายได้ และมั่นใจว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่ทิ้งดาวน์ เนื่องจากราคาที่ซื้อเมื่อ 2 ปีก่อนนั้น เป็นราคาที่ผู้ประกอบการนำที่ดินที่มีอยู่เดิมมาพัฒนา และต้นทุนก่อสร้างยังไม่สูงนัก ราคาจึงยังต่ำอยู่ แต่จากนี้ไปราคาที่อยู่อาศัยจะเพิ่มสูงขึ้นตามต้นทุนที่ดิน วัสดุก่อสร้าง และค่าแรงงานขั้นต่ำ ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ได้เติบโตขึ้นตาม ตรงกันข้ามกลับเกินกำลังจนติดลบด้วยซ้ำ จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในการพัฒนาสินค้าใหม่ด้วย”

สำหรับตลาดต่างจังหวัดนั้น ตลาดยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะใน 5-6 จังหวัดหลัก ๆ เช่นที่จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ จ.ภูเก็ต จ.ขอนแก่น จ.ระยอง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ยังมีสินค้ามากเกินความต้องการ คาดว่าต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง กว่าจะดูดซับสินค้าออกจากตลาดได้หมด

 
 
 
ด้าน นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาที่ดินปรับเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา หรือเฉลี่ยปีละ 9-10% และคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในอัตราดังกล่าวต่อไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่ทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ขณะที่จากต้นทุนการรับเหมาก่อสร้างก็สูงถึง 7-8% ต่อปี สวนทางกับเงินเดือนของผู้บริโภคที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเพียง 4-5% ทำให้ความสามารถในการซื้อติดลบ จึงเป็นที่มาของผู้ประกอบการที่จะต้องลดขนาดพื้นที่ลงมาเพื่อให้สามารถซื้อได้ พร้อมกันนี้คาดว่าปีหน้าราคาขายโครงการใหม่ ๆ จะต้องปรับเพิ่มขึ้นอย่างน้อย ๆ 5% 
 

LastUpdate 20/11/2557 05:42:23 โดย : Admin
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 10:22 am