"อาเซียนคัพ" หรือ "ซูซูกิคัพ" ศึกฟุตบอลรายการใหญ่สุดระดับอาเซียน ที่ไทยว่างเว้นบัลลังก์แชมป์มานาน 12 ปี หนนี้แข้งทีมชาติไทยจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่คืนมาได้อีกครั้งหรือไม่ อีกไม่นานจะรู้กัน
สำหรับศึกฟุตบอล "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014" จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน ถึง 20 ธันวาคม 2014 โดยมี 8
ทีมร่วมชิงชัยรอบสุดท้าย ลุ้นครองความเป็นเจ้าแห่งอาเซียน โดยการแข่งขันจะคัดเอา 2 ทีมจากรอบคัดเลือก เข้าไปรวมกับทีมอันดับสูงสุด 6 ทีมแรก ประกอบด้วย สิงคโปร์ แชมป์เก่า, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย และ เวียดนาม รวมเป็น 8 ทีม ก่อนจับสลากแบ่งกลุ่ม
โดยรอบคัดเลือกได้จัดการแข่งขันไปเมื่อวันที่ 12 ถึง 20 เดือนตุลาคม 2014 ที่ สปป.ลาว โดยมี บรูไน, กัมพูชา, เมียนมาร์ (พม่า), ติมอร์ตะวันออก และลาว ทีมเจ้าภาพร่วมแข่งขันแบบพบกันหมด แล้วคัดเอา 2 ทีมที่ผลงานดีที่สุดผ่านเข้ารอบต่อไป
ส่วนสิงคโปร์ และเวียดนาม ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ซึ่งจะเริ่มเตะนัดแรกวันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน และปิดฉากนัดสุดท้ายของรอบนี้ในวันที่ 29 พฤศจิกายน โดยสิงคโปร์ จะใช้สนามฟุตบอลแห่งใหม่ที่มีความจุ 55,000 ที่นั่งของสนามกีฬาแห่งชาติ หรือเนชั่นแนล สเตเดี้ยม
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 4 ที่สิงคโปร์ได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ต่อจากปี 1996, 2002 และ 2007 ขณะที่เวียดนามจะใช้สนามมายดินห์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ในกรุงฮานอย เป็นสังเวียนฟาดแข้ง โดยก่อนหน้านี้เวียดนามเคยเป็นเจ้าภาพมาแล้ว 3 หนเช่นกัน คือ ปี 1998, 2004 และ 2010
สำหรับการแข่งขันรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศแข่งระบบเหย้า-เยือน โดยจะแข่งขันระหว่างวันที่ 6-20 ธันวาคม
ล่าสุด สมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ฟุตบอลเอเอฟเอฟซูซูกิ คัพ 2014 กลุ่มบี
ที่ขุนพลเมอร์ไลออนส์ลงเล่นจะทำการแข่งขันที่สนามกีฬาแห่งชาติทุกนัด
ก่อนหน้านี้ ได้มีเสียงท้วงติงในการใช้สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์เป็นสนามหลักจัดการแข่งขัน
ซูซูกิคัพ จากปัญหาพื้นสนาม
ทว่าล่าสุดสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียนได้อนุญาตอย่างเป็นทางการให้ทุกเกมของสิงคโปร์ทำการแข่งขันในสนามแห่งนี้
อย่างไรก็ดี สำหรับเกมการแข่งขันของเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง ไทย, มาเลเซีย
และ เมียนมาร์ (พม่า) ในเกมที่ไม่ได้ลงเตะกับสิงคโปร์
ทางเจ้าภาพได้เตรียมสนาม จาลาน เบซาร์ สเตเดียม
ซึ่งเป็นสนามหญ้าเทียมไว้รองรับ
ซึ่งหมายความว่าทีมช้างศึกจะต้องลงเล่นในสนามหญ้าเทียมถึง 2 นัด
"เรารู้สึกซาบซึ้งต่อสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน(เอเอฟเอฟ)
สำหรับการรับรองให้สิงคโปร์ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซูซูกิคัพ
และสิงคโปร์ สปอร์ตส ฮับ
สำหรับการพยายามอย่างเต็มที่ที่ทำให้สนามอยู่ในสภาพเหมาะสมที่จะลงเล่นในเกมรอบแบ่งกลุ่มของเรา"
ไซนุดดิน บิน นูรุดดิน นายกสมาคมฟุตบอลสิงคโปร์กล่าว
ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2015 กลุ่มบี จะเริ่มแข่งขันในวันที่ 23
พฤศจิกายน โดยมาเลเซียจะประเดิมสนามพบกับ เมียนมาร์ ในเวลา 16.00 น.
ในขณะที่ไทยจะพบกับ เจ้าภาพ สิงคโปร์ ในเวลา 19.00 น.
สำหรับสนามกีฬาแห่งชาติของสิงคโปร์
เป็นสนามกีฬาแห่งใหม่ที่ถูกวางให้เป็นศูนย์กลางกีฬาของประเทศและภูมิภาค
มีความจุถึง 55,000 คน ใช้พื้นสนาม Desso GrassMaster
ซึ่งเป็นเทคนิคการปูหญ้าจริง
ผสมหญ้าเทียมเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความทนทาน แบบเดียวกันใช้ในเวมบลีย์
และสนามปุตบอลใหญ่ ๆ ทั่วยุโรป ซึ่งแต่เดิมยังไม่อยู่ในสภาพที่ดีนัก
ก่อนจะได้รับการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนจนผ่านการพิจารณา
เป็นสนามหญ้าจริงสนามเดียวที่ใช้ในเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ กลุ่มบี ในที่สุด
"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชไทยเชื่อว่า
โดยศักยภาพของลูกทีมเขาดีพอจะคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ มาครองได้ ทว่า
คู่ต้อสู่ที่น่ากลัวของทัพช้างศึกในอาเซียนคัพครั้งนี้ไม่ใช่ทั้งเจ้าภาพหรือเสือเหลืองแต่เป็นแรงกดดันที่แบกความผิดหวังไว้ถึง
12 ปี
"ซิโก้" บอกว่าหากทีมไทยสามารถเล่นได้แบบไร้ความกดดันเหมือนที่คว้าอันดับ
4 เอเชียนเกมส์ที่ อินชอน เกาหลีใต้ เราจะไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ
ที่ผ่านมาทัพช้างศึกห่างหายจากความสำเร็จในรายการนี้มานานถึง 12 ปีแล้ว
แถมยังถูกจับให้อยู่ในสายแข็งกับ สิงคโปร์ เจ้าภาพร่วมและแชมป์เก่า,
มาเลเซีย อดีตแชมป์ปี 2010,เมียนมาร์ แชมป์จากรอบคัดเลือก
สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่กลัว ไม่กดดันตัวเอง ไม่แระมาท
เพราะทุกทีมมีความกดดัน อยากได้แชมป์ทั้งหมด แต่ถ้าเราเล่นได้แบบเดิม
อย่างที่ซ้อม หรือเหมือนตอนเอเชียนส์ ผมมั่นใจว่าเราคว้าแชมป์ได้แน่"
เฮดโค้ชวัย 41 ปี เคยพาทีมชาติไทยในการคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้ว 3
ครั้งสมัยเป็นนักเตะในปี 1996 ,2000 และ 2002
ซึ่งครั้งนี้จะเป็นหนแรกที่เข้าร่วมในฐานะผู้ฝึกสอน
เขาต้องการให้ลูกทีมสัมผัสถ้วยรายกาารนี้บ้าง
ข่าวเด่น